ผู้นำประเทศกลุ่ม G20 ให้คำมั่นสัญญาในวันนี้ว่า กลุ่ม G20 จะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าทุกประเทศจะสามารถเข้าถึงวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 เมื่อวัคซีนได้รับการพัฒนาเสร็จสมบูรณ์แล้ว และจะร่วมมือกันใช้มาตรการลดผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
-- นายมอนเซฟ สลาอุย หัวหน้าโครงการ Operation Warp Speed ซึ่งเป็นโครงการที่มีเป้าหมายให้ชาวสหรัฐมีวัคซีนต้านโควิด-19 ใช้ภายในสิ้นปีนี้ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นว่า สหรัฐหวังที่จะเริ่มฉีดวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ให้ประชาชนกลุ่มแรกได้ภายในอีกไม่ถึง 3 สัปดาห์ข้างหน้า หรือประมาณวันที่ 11-12 ธ.ค. ส่วนจะส่งมอบวัคซีนที่ใดบ้างนั้นขึ้นอยู่กับหน่วยงานสาธารณสุขของแต่ละรัฐ
-- นายแอนดรูว์ คัวโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กออกมาเตือนว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 อาจเพิ่มมากขึ้นในระยะนี้ไปจนถึงเดือนม.ค. ปีหน้า เนื่องจากมีวันหยุดยาวติดต่อกัน ส่งผลให้ผู้คนจำนวนมากออกเดินทางเพื่อพบปะและเฉลิมฉลองกัน ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้การระบาดของโควิด-19 รุนแรงขึ้น
-- นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เตรียมประกาศมาตรการตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 ในชุมชนครั้งใหญ่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการใหม่ที่จะนำมาใช้แทนมาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศที่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 2 ธ.ค.นี้
-- สำนักงานความปลอดภัยด้านการบินยุโรป (EASA) เตรียมยกเลิกคำสั่งห้ามเครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX ขึ้นบินในยุโรป ในเดือนม.ค.นี้ หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐ (FAA) ได้ยกเลิกคำสั่งระงับการใช้งานเชิงพาณิชย์ของเครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX แล้ว
-- นายเจนส์ สปาห์น รัฐมนตรีสาธารณสุขเยอรมนีเปิดเผยว่า เยอรมนีอาจเริ่มฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 แก่ประชาชนอย่างเร็วที่สุด ภายในเดือนหน้า
-- นายไฮโค มาส รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของเยอรมนีเปิดเผยว่า เยอรมนีเสียใจอย่างที่สุดกับการที่สหรัฐถอนตัวจากสนธิสัญญาเปิดน่านฟ้า (Open Skies Treaty) อย่างไรก็ดี เยอรมนียังคงยึดมั่นในสนธิสัญญาในฐานะส่วนสำคัญของมาตรการควบคุมอาวุธในภูมิภาค
-- คณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมเปิดเผยรายชื่อบริษัทด้านการบินและบริษัทอื่นๆ ของจีน รวมจำนวน 89 แห่ง ที่จะไม่สามารถเข้าถึงสินค้าส่งออกด้านเทคโนโลยีของสหรัฐได้ เนื่องจากมีความสัมพันธ์กับกองทัพจีน โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีแนวโนมที่จะทำให้สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐทวีความรุนแรงมากขึ้น ในช่วงเวลาที่คณะบริหารของนายโจ ไบเดน เตรียมเข้าทำงานในทำเนียบขาว
-- นักวิจัยชาวออสเตรเลียพบหลักฐานพิสูจน์ว่า ระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์สามารถรักษากลไกป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซ้ำได้นานถึง 8 เดือน ซึ่งช่วยลดความกังวลที่คาดว่าผู้ป่วยอาจสูญเสียภูมิคุ้มกันในเวลาเพียงไม่กี่เดือน
-- แอสตร้าเซนเนก้า บริษัทยาสัญชาติอังกฤษ-สวีเดน เปิดเผยว่า ผลการวิเคราะห์เบื้องต้นบ่งชี้ว่าวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ซึ่งแอสตร้าเซนเนก้าพัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดนั้น มีประสิทธิภาพ 70% ในการป้องกันไวรัสโควิด-19
-- สื่อต่างประเทศรายงานว่า เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสของกองทัพสหรัฐได้เดินทางเยือนไต้หวันโดยไม่มีการประกาศให้ทราบล่วงหน้า โดยเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวคือ พลเรือตรีไมเคิล สทุดแมน ซึ่งดูแลงานข่าวกรองประจำกองบัญชาการภาคพื้นอินโดแปซิฟิก
-- นายจ้าว หลี่หยวน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ได้ออกมาตอบโต้สหรัฐที่มีแผนจะออกมาตรการห้ามบริษัทจีน 89 แห่งไม่ให้สั่งซื้อสินค้าเทคโนโลยีของสหรัฐ โดยนายจ้าวเตือนว่า สหรัฐควรหยุดอ้างเรื่องความมั่นคงของชาติและกดขี่ข่มเหงบริษัทต่างชาติ