นายสตีเฟน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ และนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้เรียกร้องให้สภาคองเกรสเพิ่มความช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็กในช่วงเวลาที่โรคโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาด พร้อมกับแสดงความกังวลว่า การออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจจากผลกระทบของโรคโควิด-19 อาจจะเกิดขึ้นไม่ทันเวลาในการกอบกู้บริษัทเหล่านี้ให้รอดพ้นจากการล้มละลาย
"ธุรกิจขนาดเล็กเหล่านี้ไม่สามารถรอได้นานถึง 2 หรือ 3 เดือน" นายมนูชินชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาเมื่อวานนี้ พร้อมกับเรียกร้องให้สมาชิกสภาคองเกรสอนุมัติงบประมาณจำนวนมากถึง 3 แสนล้านดอลลาร์เพื่อช่วยเหลือธุรกิจที่เผชิญกับความยากลำบาก
"เมื่อพิจารณาจากข้อมูลเศรษฐกิจเมื่อไม่นานมานี้ ผมก็ยังเชื่อว่า มาตรการกระตุ้นด้านการคลังแบบเจาะจงเป้าหมาย ถือเป็นมาตรการตอบสนองที่ดีที่สุดของรัฐบาลกลาง ผมขอเรียกร้องให้สภาคองเกรสอนุมัติการนำเงินจำนวน 4.55 แสนล้านดอลลาร์ที่ยังไม่ได้ใช้ภายใต้กฎหมาย CARES Act มาใช้ในการสนับสนุนภารกิจนี้" นายมนูชินกล่าว โดยกฎหมาย CARES Act ซึ่งมีชื่อเต็มว่า "Coronavirus Aid, Relief, and Economic Security Act " ได้รับการอนุมัติในช่วงปลายเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา
ทางด้านนายพาวเวลกล่าวว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และผลกระทบที่ทำให้เศรษฐกิจถดถอยนั้น ได้สร้างความเสียหายอย่างหนักต่อเศรษฐกิจสหรัฐในช่วงฤดูใบไม้ผลิปีนี้ และยังทำให้ประชาชนตกงานถึง 10 ล้านคนในเดือนก.พ. ซึ่งสภาคองเกรสจำเป็นต้องยุติวิกฤตการณ์นี้
นอกจากนี้ นายพาวเวลยังเห็นด้วยกันนายมนูชินที่ว่า ภาคธุรกิจจำเป็นต้องได้รับการอนุมัติความช่วยเหลือจากรัฐบาล และยังเห็นด้วยว่า ควรนำเงินจากโครงการของกระทรวงการคลังออกมาใช้ในยุคของคณะบริหารของนายโจ ไบเดน เพื่อจัดตั้งโครงการปล่อยเงินกู้ของเฟดขึ้นมาอีกครั้งหากจำเป็น