ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (2 ธ.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ขานรับความหวังที่ว่าสภาคองเกรสสหรัฐจะเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาผลกระทบของไวรัสโควิด-19 รวมทั้งข่าวรัฐบาลอังกฤษอนุมัติให้ใช้วัคซีนต้านโควิด-19 ที่พัฒนาโดยบริษัทไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทค
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,883.79 จุด เพิ่มขึ้น 59.87 จุด หรือ +0.20%
-- สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ผ่านร่างกฎหมาย "Holding Foreign Companies Accountable Act" ซึ่งอาจทำให้บริษัทสัญชาติจีนที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐถูกถอดออกจากตลาด นอกจากนี้ ร่างกฎหมายดังกล่าวยังอาจจะทำให้บริษัทจีนจำนวนมากไม่สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐ หรือระดมเงินทุนจากนักลงทุนชาวอเมริกันได้ในอนาคต
การผ่านร่างกฎหมายในขั้นตอนของสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้ มีขึ้นหลังจากที่วุฒิสภาได้อนุมัติร่างกฎหมายดังกล่าวเมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา โดยร่างกฎหมายฉบับนี้จะถูกส่งให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป
-- ดอลลาร์อ่อนค่าแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปีครึ่งในวันนี้ ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่าสหรัฐจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ณ เวลา 00.14 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์ปรับตัวขึ้น 0.18% สู่ระดับ 104.49 เยน ขณะที่ยูโรแข็งค่า 0.35% สู่ระดับ 126.33 เยน และดีดตัวขึ้น 0.16% สู่ระดับ 1.209 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.17% สู่ระดับ 91.16
-- รัฐสภาญี่ปุ่นออกกฎหมายเมื่อวานนี้ระบุว่ารัฐบาลจะรับภาระค่าใช้จ่ายในการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ให้กับชาวญี่ปุ่นทั่วประเทศ
ทั้งนี้ สภาสูงได้ลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์รับรองกฎหมายดังกล่าว ขณะที่นายโยชิฮิเดะ ซูงะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ให้คำมั่นว่ารัฐบาลจะดำเนินการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนทุกคนในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า โดยใช้งบประมาณ 6.714 แสนล้านเยน (6.4 พันล้านดอลลาร์) หรือราว 1.93 แสนล้านบาท
-- นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะลงนามในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐตามข้อเสนอของนายมิตช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภา หากมาตรการดังกล่าวสามารถผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรส
"ท่านประธานาธิบดีจะลงนามในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่คุณแมคคอนเนลล์เสนอเมื่อวานนี้ และเราจะพยายามสานต่อจากข้อเสนอดังกล่าว" นายมนูชินกล่าว
-- นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ กล่าวว่า เขาจะยังไม่ยกเลิกมาตรการทางภาษีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์บังคับใช้กับจีนในการทำสงครามการค้าก่อนหน้านี้
นายไบเดนกล่าวว่า เขาจะทบทวนข้อตกลงระหว่างสหรัฐและจีนที่มีอยู่ในขณะนี้ และจะพัฒนายุทธศาสตร์ร่วมกับพันธมิตรของสหรัฐในยุโรปและเอเชีย
-- ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย สั่งการให้เจ้าหน้าที่เริ่มทำการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 แก่ชาวรัสเซียในสัปดาห์หน้า
"ขอให้คุณเริ่มทำการฉีดวัคซีนครั้งใหญ่แก่ประชาชนเริ่มตั้งแต่สัปดาห์หน้า ขอให้เจ้าหน้าที่เริ่มเตรียมความพร้อม" ปธน.ปูตินกล่าวกับรองนายกรัฐมนตรีทาเทียนา โกลิโควา
-- แหล่งข่าวระบุว่า แฮกเกอร์จากเกาหลีเหนือได้พยายามเจาะฐานข้อมูลของหน่วยงานและบริษัทยาอย่างน้อย 9 แห่งเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนายาและวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า รายชื่อบริษัทยาที่ถูกลักลอบเจาะข้อมูลดังกล่าวได้แก่ บริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J), แอสตร้าเซนเนก้า, โนวาแว็กซ์ อิงค์ รวมทั้งบริษัทยาในเกาหลีใต้ และมหาวิทยาลัยในเยอรมนี
-- กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ทางกระทรวงได้เปิดตัวบริการฮอตไลน์ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับโรคโควิด-19 เป็นภาษาต่างประเทศถึง 7 ภาษา ซึ่งรวมถึงภาษาไทย
สายฮอตไลน์ดังกล่าวได้เริ่มให้บริการแล้วตั้งแต่เมื่อวานนี้ โดยผู้สนใจสามารถโทรฟรีจากภายในประเทศญี่ปุ่นได้ที่หมายเลข 0120-565653 ซึ่งมีการให้บริการในภาษาอังกฤษ จีน เกาหลี โปรตุเกส สเปน เวียดนาม และไทย โดยให้บริการทุกวัน ขณะที่ภาษาไทยจะเปิดให้บริการในช่วง 09.00-18.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น และภาษาเวียดนามอยู่ในช่วง 10.00-19.00 น. ส่วนภาษาอื่นๆ อยู่ในช่วง 09.00-21.00 น.
-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ เกาหลีใต้จะเปิดเผยทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเดือนพ.ย. ออสเตรเลียมีกำหนดเปิดเผยดุลการค้าเดือนต.ค. จีนเตรียมเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนพ.ย.จากไฉซิน ขณะที่มาร์กิตจะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนพ.ย.ของฝรั่งเศส, เยอรมนี, อียู และสหรัฐ รวมถึงดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนพ.ย.ของอังกฤษซึ่งมาร์กิตจัดทำร่วมกับซีไอพีเอส ด้านอียูจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนต.ค. และสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีภาคบริการเดือนพ.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)
ส่วนในวันพรุ่งนี้ เกาหลีใต้จะเปิดเผยดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนต.ค., ออสเตรเลียมีกำหนดเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนต.ค., เยอรมนีจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนต.ค., อังกฤษจะเปิดเผยยอดขายรถยนต์เดือนพ.ย. และสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยดุลการค้าเดือนต.ค. และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย.