นักลงทุนจับตาความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ โดยนายสเตนี โฮเยอร์ ผู้นำเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐ เปิดเผยว่า สภาผู้แทนราษฎรจะลงมติต่อร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐบาล (ชัตดาวน์) เป็นเวลา 1 สัปดาห์ในวันนี้ และเพื่อให้เวลาแก่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมากขึ้นในการเจรจาข้อตกลงในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 9.08 แสนล้านดอลลาร์เพื่อเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (8 ธ.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดทำนิวไฮ โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อหุ้นกลุ่มธุรกิจสุขภาพ หลังมีข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ รวมทั้งการโหวตร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐบาล (ชัตดาวน์)
ทางด้านนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ และนายมิตช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภา แสดงความหวังว่า สภาคองเกรสจะสามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการออกกฎหมายงบประมาณชั่วคราวได้ภายในวันที่ 11 ธ.ค.ซึ่งเป็นวันสุดท้ายก่อนที่หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐจะเผชิญภาวะชัตดาวน์
-- สำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) มีกำหนดจัดการประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาในวันพฤหัสบดีเพื่อพิจารณาคุณสมบัติของวัคซีนต้านโควิด-19 ของไฟเซอร์ ขณะที่ นพ.อัลเบิร์ต เบอร์ลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทไฟเซอร์ อิงค์ ได้ออกมาแสดงความคาดหวังว่าคณะกรรมการที่ปรึกษา FDA จะให้การอนุมัติต่อวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของทางบริษัท
ทั้งนี้ FDA เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ข้อมูลจากการทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของไฟเซอร์ ไม่ได้สร้างความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยแต่อย่างใด โดยเอกสารที่มีการเผยแพร่ในเว็บไซต์ของ FDA ระบุว่า ข้อมูลการทดลองวัคซีนของทางบริษัทมีความสอดคล้องกับข้อเสนอของ FDA ที่จะให้มีการอนุมัติวัคซีนเป็นกรณีฉุกเฉิน (EUA)
-- แถลงการณ์จากบ้านพักนายกรัฐมนตรีอังกฤษระบุว่า นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เตรียมเดินทางไปยังกรุงบรัสเซลส์ในวันนี้ เพื่อจัดการเจรจากับนางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของ EU
ท่าทีดังกล่าวของนายจอห์นสัน สวนทางกับสิ่งที่เขากล่าวก่อนหน้านี้ว่า อังกฤษพร้อมที่จะยุติการเจรจาการค้ากับ EU โดยอังกฤษจะแยกตัวออกจาก EU โดยไม่มีการทำข้อตกลง (no-deal Brexit)
ทางด้าน EC แถลงเมื่อวานนี้ว่า การเจรจาการค้าระหว่างอังกฤษและ EU สามารถดำเนินต่อไปในปีหน้า หลังจากสิ้นสุดช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านของการที่อังกฤษแยกตัวออกจากการเป็นสมาชิก EU ในวันที่ 31 ธ.ค.
ทั้งนี้ อังกฤษและ EU ยังคงไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้าในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากทั้งสองฝ่ายยังคงมีความเห็นที่ขัดแย้งกันในหลายประเด็น
-- มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดเปิดเผยว่า ผลการวิเคราะห์ข้อมูลในการทดลองระยะที่ 3 พบว่า วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ที่ทางมหาวิทยาลัยทำการพัฒนาร่วมกับบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า ให้ประสิทธิภาพเฉลี่ย 70.4%
ทั้งนี้ ผลการทดลองดังกล่าว ซึ่งมีการตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ The Lancet ระบุว่า วัคซีนดังกล่าวมีประสิทธิภาพ 62% สำหรับอาสาสมัครที่ได้รับการฉีดวัคซีน 2 ครั้งๆละ 1 โดส และจะมีประสิทธิภาพ 90% สำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนครั้งแรกครึ่งโดส และครั้งที่ 2 จำนวน 1 โดส
นายปาสกาล โซริออท ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแอสตร้าเซนเนก้า กล่าวว่า ทางบริษัทได้ยื่นข้อมูลการทดลองวัคซีนให้แก่หน่วยงานต่างๆทั่วโลกแล้วเพื่อให้มีการอนุมัติวัคซีนในไม่ช้า
-- บริษัทฮอนด้าแถลงเมื่อวานนี้ว่า การขาดแคลนชิ้นส่วนรถยนต์อันเนื่องจากปัญหาการขนส่ง อาจส่งผลให้ทางบริษัทต้องระงับการผลิตรถยนต์ชั่วคราวในโรงงานที่ตั้งอยู่ในอังกฤษ
"แม้บริษัทใช้มาตรการต่างๆเพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้น แต่ก็มีแนวโน้มที่บริษัทอาจต้องระงับการผลิตชั่วคราว เพื่อให้มีการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนรถยนต์" แถลงการณ์ของบริษัทระบุ
อย่างไรก็ดี โฆษกของฮอนด้าไม่ได้ระบุว่าปัญหาดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) หรือไม่
-- Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 68,549,345 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 1,562,070 ราย
สหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก (15,591,709) รองลงมาคืออินเดีย (9,735,975), บราซิล (6,675,915), รัสเซีย (2,515,009) และฝรั่งเศส (2,309,621)
นอกจากนี้ สหรัฐยังเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดในโลก (293,398) ตามมาด้วยบราซิล (178,184), อินเดีย (141,398), เม็กซิโก (110,074) และสหราชอาณาจักร (62,033)
-- ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต ผู้นำฟิลิปปินส์ เรียกร้องให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเข้าร่วมงานเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสในปีนี้ เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
"เรายังคงพบว่าจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในแต่ละวัน และมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ดังนั้นประชาชนควรหลีกเลี่ยงการร่วมงานเฉลิมฉลองคริสต์มาสเพื่อประโยชน์ของตัวคุณเอง และประเทศชาติ" นายดูเตอร์เตกล่าว
ขณะนี้ ฟิลิปปินส์ติดอันดับ 2 ในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เสียชีวิต รองจากอินโดนีเซีย
-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญในวันนี้ โดยเยอรมนีมีกำหนดเปิดเผยดุลการค้าเดือนต.ค. ขณะที่สหรัฐจะเปิดเผยสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งและตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนต.ค. รวมถึงสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)
ส่วนในวันพรุ่งนี้ อังกฤษจะเปิดเผยดุลการค้าเดือนต.ค. ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เตรียมจัดประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย ด้านสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์และอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ย.