ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยผลการทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Test) ของธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ โดยระบุว่า ธนาคารรายใหญ่หลายแห่งมีฐานเงินทุนที่เพียงพอต่อการรับมือกับภาวะวิกฤต ซึ่งรวมถึงการขาดทุนกว่า 6 แสนล้านดอลลาร์จากการทรุดตัวทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงในระยะสั้น และความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวลงยาวนานในระดับปานกลาง
นอกจากนี้ เฟดยังอนุญาตให้ธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐสามารถจ่ายเงินปันผล และซื้อหุ้นคืนแบบจำกัดจำนวน
การเปิดเผยผลการทดสอบภาวะวิกฤตครั้งล่าสุดนี้นับเป็นครั้งที่ 2 ของปี 2563 หลังจากที่เฟดได้ทำการทดสอบครั้งแรกของปีเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ การที่เฟดอนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์สามารถซื้อหุ้นคืนได้นั้น เป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ และยังส่งผลให้ธนาคารรายใหญ่อย่างเจพีมอร์แกน เชส และโกลด์แมน แซคส์ ประกาศแผนการซื้อหุ้นคืนทันที โดยจะเริ่มในปี 2564
ภายใต้กฎระเบียบใหม่นี้ ธนาคารพาณิชย์จะได้รับอนุญาตให้จ่ายเงินปันผลและซื้อหุ้นคืนได้ตราบเท่าที่จำนวนเงินดังกล่าวไม่สูงไปกว่ารายได้สุทธิของปีที่แล้ว นอกจากนี้ เฟดระบุว่าจะไม่ใช้ผลการทดสอบภาวะวิกฤตครั้งใหม่นี้ เป็นเกณฑ์ในการสั่งว่าธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่งจะต้องตั้งสำรองเงินทุนกันชนมูลค่าเท่าใด
ผลการทดสอบภาวะวิกฤตครั้งนี้ บ่งชี้ว่าภาคธนาคารของสหรัฐมีทิศทางที่สดใส ซึ่งต่างกับผลการทดสอบครั้งแรกของ ปีเมื่อวันที่ 25 มิ.ย. โดยในครั้งนั้น เฟดกำหนดให้ธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐจะต้องกันเงินทุนสำรองไว้ที่ระดับปัจจุบันด้วยการระงับการซื้อหุ้นคืน และจำกัดการจ่ายเงินปันผลในไตรมาส 3/2563
การทดสอบ Stress Test ของเฟดนั้นครอบคลุมถึงการประเมินว่า มีความปลอดภัยหรือไม่ที่ธนาคารต่างๆ จะดำเนินการตามแผนการใช้จ่ายเงินทุน ซึ่งรวมถึงการจ่ายเงินปันผล และการใช้จ่ายอื่นๆ นอกเหนือจากการตั้งสำรองหนี้เสีย โดยการทดสอบดังกล่าวได้รับการออกแบบขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้เงินภาษีของประชาชนมาช่วยเหลือธนาคารต่างๆ เหมือนในช่วงที่เกิดวิกฤตการเงินปี 2550-2552