นายมิเชล บาร์นิเยร์ ซึ่งเป็นหัวหน้าผู้แทนการเจรจาฝ่ายสหภาพยุโรป (EU) กล่าวต่อตัวแทนทั้ง 27 ชาติของ EU ในวันนี้ว่า ข้อเสนอของอังกฤษเกี่ยวกับการประมงเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้
ก่อนหน้านี้ นายบาร์นิเยร์กล่าวว่า EU กำลังใช้ความพยายามครั้งสุดท้ายในการบรรลุข้อตกลงการค้ากับอังกฤษที่จะมีผลบังคับใช้หลังจากที่อังกฤษแยกตัวออกจาก EU (Brexit)
"เรากำลังอยู่ในช่วงเวลาที่สำคัญ และเรากำลังใช้ความพยายามครั้งสุดท้าย" นายบาร์นิเยร์กล่าว
อย่างไรก็ดี ทั้งสองฝ่ายยังคงมีความขัดแย้งเกี่ยวกับการประมง โดย EU ต้องการทำการประมงในน่านน้ำอังกฤษต่อไปอีก 6 ปี โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2564 หลังจากที่อังกฤษเริ่มแยกตัวออกจาก EU ในวันที่ 1 ม.ค.2564 แต่อังกฤษต้องการให้สิทธิการประมงแก่ EU เพียง 3 ปี
นอกจากนี้ อังกฤษต้องการให้ EU ลดปริมาณการจับสัตว์น้ำในน่านน้ำของอังกฤษลง 30% เริมตั้งแต่ปี 2564 แต่ EU ต้องการลดปริมาณการจับสัตว์น้ำเพียง 25%
นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวก่อนหน้านี้ว่า อังกฤษจะกลายเป็นประเทศที่มีเอกราชทางทะเล ซึ่งจะสามารถควบคุมน่านน้ำของตน และกำหนดได้ว่าประเทศใดสามารถเข้าทำการประมงในน่านน้ำของอังกฤษ
นอกจากนี้ นายบาร์นิเยร์ยืนยันว่า EU จะไม่ยอมลงนามในข้อตกลงซึ่งจะส่งผลกระทบต่อระบบตลาดเดี่ยวของ EU ที่มีผู้บริโภคมากถึง 450 ล้านคน
ผู้นำยุโรปต่างมองว่าอังกฤษกำลังต้องการจับปลา 2 มือ โดยหวังที่จะยังคงได้รับสิทธิพิเศษทางการค้าในการเข้าสู่ตลาดของ EU พร้อมกับการกำหนดกฎระเบียบของตนเอง
หากอังกฤษและ EU ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงก่อนวันที่ 1 ม.ค.2564 ก็จะทำให้อังกฤษแยกตัวออกจาก EU โดยไม่มีการทำข้อตกลง (no-deal Brexit) ส่งผลให้อังกฤษสูญเสียสิทธิพิเศษทางการค้ากับ EU และทำให้ทั้งสองฝ่ายต้องดำเนินการค้าภายใต้กฎเกณฑ์ขององค์การการค้าโลก (WTO)
นอกจากนี้ ภาวะ no-deal Brexit จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอังกฤษและยุโรป และสร้างความตื่นตระหนกต่อตลาดการเงิน