ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ ขานรับข่าวอังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) บรรลุข้อตกลงการค้าซึ่งจะมีการบังคับใช้หลังจากอังกฤษแยกตัวจาก EU (Brexit) ในช่วงสิ้นปีนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากความหวังเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในสหรัฐ รวมทั้งรายงานที่ว่าขณะนี้ประชาชนกว่า 1 ล้านคนในสหรัฐได้รับการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 แล้ว
-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนขานรับข่าวอังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) บรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างกันแล้ว ขณะที่ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเล็กน้อยเช่นกัน
ตลาดปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อยท่ามกลางการซื้อขายที่ซบเซา เนื่องจากตลาดยุโรปบางแห่งปิดทำการเนื่องในวันคริสต์มาส อีฟ และบางแห่งปิดทำการเร็วกว่าปกติ
-- อังกฤษและ EU สามารถบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างกันเมื่อคืนวานนี้ตามเวลาไทย หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้เจรจาร่วมกันเป็นเวลานานหลายเดือน โดยนางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) กล่าวว่า ข้อตกลงการค้าดังกล่าวมีความสมดุลและเป็นธรรม
ก่อนหน้านี้นักลงทุนต่างพากันวิตกกังวลว่า หากอังกฤษและ EU ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้าได้ก่อนวันที่ 1 ม.ค.2564 ก็จะทำให้อังกฤษแยกตัวออกจาก EU โดยไม่มีการทำข้อตกลง (no-deal Brexit) ส่งผลให้อังกฤษสูญเสียสิทธิพิเศษทางการค้ากับ EU และทำให้ทั้งสองฝ่ายต้องดำเนินการค้าภายใต้กฎเกณฑ์ขององค์การการค้าโลก (WTO) นอกจากนี้ ภาวะ no-deal Brexit จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอังกฤษและยุโรป
-- ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (CDC) เปิดเผยว่า ประชาชนในสหรัฐกว่า 1 ล้านคนได้รับการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 แล้ว และในช่วงไม่กี่วันที่เหลือก่อนสิ้นปีนี้ สหรัฐมีแผนที่จะฉีดวัคซีนให้ประชาชนกว่า 2 ล้านคน/วัน เพื่อบรรลุเป้าหมายการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนจำนวน 20 ล้านคนภายในสิ้นปีนี้
-- สถาบันภูเขาไฟวิทยาและแผ่นดินไหววิทยาของฟิลิปปินส์ (PHIVOLCS) รายงานว่า เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.3 แมกนิจูดที่จังหวัดบาตังกัสบนเกาะลูซอนของฟิลิปปินส์ในช่วงเช้าวันนี้ แต่ยังไม่มีการประกาศเตือนภัยคลื่นยักษ์สึนามิ
PHIVOLCS ระบุว่า แผ่นดินไหวดังกล่าวเกิดขึ้นในเวลา 07.43 น.ตามเวลาท้องถิ่น ที่ระดับความลึก 74 กิโลเมตรห่างจากเมืองคาลาตากันไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 10 กิโลเมตร และห่างจากกรุงมะนิลาไปทางใต้ราว 100 กิโลเมตร
ทั้งนี้ ความรุนแรงของแผ่นดินไหวดังกล่าวรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนได้ถึงพื้นที่บางส่วนของกรุงมะนิลา และจังหวัดใกล้เคียง
-- Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 79,177,927 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 1,740,248 ราย
สหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก (18,917,152) รองลงมาคืออินเดีย (10,123,778), บราซิล (7,366,677), รัสเซีย (2,963,688), ฝรั่งเศส (2,505,875), สหราชอาณาจักร (2,149,551) และตุรกี (2,082,610)
-- กระทรวงสาธารณสุขและการกีฬาของเมียนมาแถลงว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีจำนวน 919 ราย ส่งผลให้ขณะนี้เมียนมามีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมอยู่ที่ 119,788 ราย
นอกจากนี้ จำนวนผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้น 25 ราย สู่ระดับ 2,532 ราย
-- กระทรวงสาธารณสุขมาเลเซียเปิดเผยว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่จำนวน 1,581 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อสะสมในประเทศอยู่ที่ 100,318 ราย
นายนูร์ ฮิแชม อับดุลเลาะห์ อธิบดีกรมอนามัยของมาเลเซียระบุว่า ในบรรดาผู้ติดรายใหม่ที่พบในวันนี้ เป็นผู้ติดเชื้อที่มาจากต่างประเทศจำนวน 2 ราย และอีก 1,579 รายเป็นผู้ติดเชื้อภายในประเทศ
ขณะเดียวกัน มีรายงานผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มอีก 2 ราย ส่งผลให้จำนวนผู้เสียชีวิตรวมอยู่ที่ 446 ราย
-- ข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ ญี่ปุ่นเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนพ.ย. และยอดค้าปลีกเดือนพ.ย.
-- ตลาดหุ้นนิวยอร์กและตลาดหุ้นยุโรปปิดทำการวันนี้ (25 ธ.ค.) เนื่องในวันคริสต์มาส