บิตคอยน์พุ่งทะลุระดับ 29,000 ดอลลาร์ หรือสูงกว่า 870,000 บาทในวันนี้ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์อย่างต่อเนื่อง โดยทะยานขึ้นเกือบ 300% ในปีนี้
ล่าสุด ณ เวลา 17.38 น.ตามเวลาไทย บิตคอยน์ปรับตัวลง 50.35 ดอลลาร์ หรือ 0.17% สู่ระดับ 29,164.15 ดอลลาร์ ในการซื้อขายบนแพลตฟอร์มของ Coinbase หลังพุ่งแตะระดับ 29,292 ดอลลาร์ในช่วงแรก
บิตคอยน์นับเป็นสินทรัพย์ที่ทำราคาดีที่สุดในปีนี้ ขณะที่ได้พุ่งขึ้นเกือบ 50% ในเดือนนี้ ทำสถิติเป็นเดือนที่ปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2562
นักวิเคราะห์กล่าวว่า การดีดตัวของบิตคอยน์ในครั้งนี้แตกต่างจากในปี 2560 เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากกระแสตอบรับที่คึกคักจากกลุ่มบริษัทฟินเทค และนักลงทุนรายใหญ่ในตลาด เช่น พอล ทิวดอร์ โจนส์ และสแตนลีย์ ดรักเคนมิลเลอร์ โดยแตกต่างจากในปี 2560 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนรายย่อย
PayPal ยักษ์ใหญ่ฟินเทค ประกาศว่า ทางบริษัทจะเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆเพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถทำการซื้อขายบิตคอยน์ และสกุลเงินคริปโตอื่นๆ และในช่วงต้นปีหน้า PayPal มีแผนที่จะให้ลูกค้าใช้สกุลเงินคริปโตในการซื้อสินค้าจากเครือข่ายร้านค้าปลีกจำนวน 26 ล้านแห่งของทางบริษัท
ทางด้าน Square ซึ่งเป็นบริษัทฟินเทคของสหรัฐ เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า ทางบริษัทได้เข้าซื้อบิตคอยน์มูลค่าถึง 50 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ Square ยังได้เปิดให้บริการสกุลเงินคริปโตสำหรับลูกค้าที่ใช้แอปพลิเคชั่น Cash ของทางบริษัท
บิตคอยน์ยังได้แรงหนุนจากการที่รัฐบาลและธนาคารกลางทั่วโลกพากันออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งมาตรการดังกล่าวได้ทำให้สกุลเงินของหลายประเทศอ่อนค่าลง โดยเฉพาะดอลลาร์ ส่งผลให้นักลงทุนหันมาถือครองบิตคอยน์ในฐานะสินทรัพย์ทางเลือก
นอกจากนี้ ยังมีการมองว่าบิตคอยน์มีสถานะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย เช่นเดียวกับทองคำ ซึ่งนักลงทุนจะแห่เข้าซื้อในช่วงเวลาที่เกิดความตื่นตระหนก
ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังใช้บิตคอยน์เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อจากการที่รัฐบาลมีแนวโน้มออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
นายริค ไรเดอร์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนตราสารหนี้ของแบล็คร็อค ซึ่งเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ใหญ่ที่สุดในโลก กล่าวว่า ในอนาคต บิตคอยน์จะสามารถขึ้นมาทดแทนตำแหน่งของทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
"ผมคิดว่าสกุลเงินคริปโตจะยังคงอยู่ต่อไป ผมคิดว่ามันเป็นสินทรัพย์ที่คงทน โดยบิตคอยน์เป็นเครื่องมือที่คงทนซึ่งจะสามารถขึ้นมาแทนที่ทอง เพราะบิตคอยน์สามารถทำหน้าที่ได้มากกว่าทอง" นายไรเดอร์กล่าว
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์บางรายออกมาเตือนว่าการทะยานขึ้นของบิตคอยน์จะสะดุดลงในปีหน้า หลังจากพุ่งขึ้นอย่างมากในปีนี้
นายแมทท์ มาลีย์ หัวหน้านักวิเคราะห์ของบริษัทมิลเลอร์ ทาบัค กล่าวว่า บิตคอยน์อาจดิ่งลง 25-30% ในช่วงต้นปี 2564
"บิตคอยน์จะดีดตัวต่อไปในระยะสั้น และผมก็มั่นใจในระยะยาว แต่ในระยะกลาง ผมมีความวิตกมากกว่าคนอื่น" เขากล่าว
นายมาลีย์กล่าวว่า บิตคอยน์จะได้รับผลกระทบจากสภาพคล่องในตลาดที่ลดลง ขณะที่ปัจจัยทางเทคนิคบ่งชี้ว่า บิตคอยน์ได้เข้าสู่ภาวะที่มีแรงซื้อมากเกินไป และเริ่มมีภาวะฟองสบู่ ส่งผลให้บิตคอยน์จะเผชิญกับการปรับฐาน
นายมาลีย์กล่าวว่า นับตั้งแต่ปี 2559 บิตคอยน์ได้พบกับการดิ่งลง 20% ถึง 10 ครั้ง, ร่วงลง 30% จำนวน 7 ครั้ง และ 48% จำนวน 4 ครั้ง ซึ่งนักลงทุนไม่ควรประเมินต่ำเกินไปเกี่ยวกับการปรับตัวที่ผันผวนของบิตคอยน์