ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์มีแนวโน้มที่จะเผชิญแรงกดดันอย่างหนักก่อนที่จะก้าวลงจากตำแหน่ง หลังจากที่กลุ่มผู้สนับสนุนปธน.ทรัมป์ได้บุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยรายงานล่าสุดระบุว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงในคณะบริหารของปธน.ทรัมป์ ซึ่งรวมถึงนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลัง และนายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ กำลังหารือกันเพื่อผลักดันให้มีการใช้บทบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่ 25 (25th Amendment) เพื่อถอดถอนปธน.ทรัมป์ออกจากตำแหน่งก่อนครบวาระ
-- บริษัทฮุนได มอเตอร์ของเกาหลีใต้เปิดเผยแถลงการณ์ระบุว่า บริษัทกำลังเจรจาในขั้นต้นกับบริษัทแอปเปิล อิงค์ของสหรัฐ หลังจากที่โคเรีย อีโคโนมิก เดลีรายงานว่า ทั้งสองบริษัทกำลังเจรจากันเพื่อร่วมมือกันในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรีรถยนต์ ซึ่งส่งผลให้ราคาหุ้นฮุนไดในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ทะยานขึ้นถึง 20% ในช่วงเช้าวันนี้
-- กระทรวงยุติธรรมสหรัฐเปิดเผยว่า บริษัทโบอิ้ง โค ได้ตกลงจ่ายเงินกว่า 2.5 พันล้านดอลลาร์เพื่อยุติการสอบสวนของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐกรณีเหตุการณ์ที่เครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX ตก 2 ครั้ง ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 346 ราย
-- บราซิลเปิดเผยว่า ผลการทดลองขั้นสุดท้ายของวัคซีนต้านโควิด-19 ที่พัฒนาโดยบริษัท ซิโนแวก ไบโอเทค ของจีน มีประสิทธิภาพ 78% ในการป้องกันโควิด-19 หลังจากที่ก่อนหน้านี้ มีการเปิดเผยออกมาว่าวัคซีนตัวดังกล่าวมีประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสได้ราว 50-90% จากการทดลองในบราซิล ซึ่งได้สร้างความเคลือบแคลงสงสัยให้กับวัคซีนที่พัฒนาโดยบริษัทจีนซึ่งจะถูกนำมาใช้ในบราซิล
-- บิตคอยน์ร่วงลง 6.18% ในช่วงเช้านี้ แตะที่ 37,150 ดอลลาร์ในการซื้อขายบนแพลตฟอร์ม Bitstamp หลังพุ่งทะลุระดับ 40,000 ดอลลาร์เมื่อวานนี้ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
อย่างไรก็ดี แม้บิตคอยน์อ่อนแรงลงในช่วงเช้านี้ แต่นักวิเคราะห์จากบริษัทโซเชียล แคปิตัลคาดการณ์ว่า บิตคอยน์ยังคงสามารถพุ่งขึ้นต่อไป แม้ว่าช่วงนี้ได้ดีดตัวขึ้นมากแล้วก็ตาม
-- นายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทเทสลา อิงค์ ขึ้นแท่นเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก โดยมีทรัพย์สินรวมเป็นมูลค่ากว่า 1.88 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (7 ม.ค.) มากกว่านายเจฟฟ์ เบซอส ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของแอมะซอนซึ่งรั้งตำแหน่งบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกมาตั้งแต่ปี 2560 อยู่ 1.5 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากราคาหุ้นของเทสลาที่ทะยานขึ้นเกือบ 830% นับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีที่แล้ว
-- MSCI และ FTSE Russell ซึ่งเป็นบริษัทจัดทำดัชนีระดับโลก ประกาศถอดหุ้นของบริษัทสื่อสารจีน 3 แห่ง ซึ่งได้แก่ ไชน่าโมบาย, ไชน่าเทเลคอม และไชน่ายูนิคอม ออกจากการคำนวณในดัชนี หลังจากรัฐบาลสหรัฐประกาศแบนบริษัททั้ง 3 ดังกล่าว
-- รัฐบาลอังกฤษออกกฎให้ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศต้องแสดงผลการตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นลบ เมื่อไปถึงสนามบิน เพื่อป้องกันไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่จากประเทศอื่นๆ
-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐประกาศยอมรับด้วยคำพูดของตนเองเป็นครั้งแรกว่า คณะทำงานของนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ จะเข้ารับหน้าที่บริหารประเทศในวันที่ 20 ม.ค.นี้
-- หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์สรายงานว่า รัฐบาลจีนได้สั่งการให้สื่อภายในประเทศทำการเซ็นเซอร์รายงานข่าวเกี่ยวกับการตรวจสอบบริษัทอาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้งในข้อหาละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดตลาด โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า การตรวจสอบบริษัทอาลีบาบากำลังกลายเป็นประเด็นอ่อนไหวทางการเมืองของจีน
-- นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐเปิดเผยว่า สหรัฐอาจคว่ำบาตรผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจับกุมนักเคลื่อนไหวฝ่ายค้านกว่า 50 คนในฮ่องกง และจะส่งเอกอัครทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติ (UN) เดินทางไปเยือนไต้หวัน ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่อาจสร้างความไม่พอใจครั้งใหม่ให้กับจีน
-- นายลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ เข้ารับการฉีดวัคซีนต้านโรคโควิด-19 โดสแรกในวันนี้ โดยได้แชร์วิดีโอขณะที่เขากำลังฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งผ่านทางเฟซบุ๊ก
-- ทางการออสเตรเลียประกาศล็อกดาวน์เมืองบริสเบนแล้ว หลังพบไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ในพื้นที่ ขณะที่นายสกอตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียเปิดเผยว่า ผู้ที่จะเดินทางเข้าออสเตรเลียจะต้องแสดงผลการเข้าตรวจเชื้อโควิด-19 เป็นลบก่อนขึ้นเครื่องบิน
-- ไฟเซอร์ได้เผยแพร่ผลการวิจัยที่ดำเนินการร่วมกับนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเท็กซัสระบุว่า วัคซีนต้านโรคโควิด-19 ที่ทางบริษัทพัฒนาขึ้นร่วมกับไบโอเอ็นเทคนั้น ดูเหมือนจะมีประสิทธิภาพในการจัดการกับไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ที่กลายพันธุ์ในอังกฤษและแอฟริกาใต้ โดยการกลายพันธุ์ที่วัคซีนสามารถจัดการได้นั้นได้แก่ การกลายพันธุ์ที่เรียกว่า N501Y ซึ่งเกิดกับสไปค์โปรตีนของไวรัส
-- อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่านสั่งการในวันนี้ ห้ามรัฐบาลอิหร่านนำเข้าวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 จากสหรัฐและอังกฤษ