ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นเช้านี้ เนื่องจากนักลงทุนขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของจีน ซึ่งอาจจะช่วยหนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียด้วย
ดัชนี MSCI หุ้นเอเชีย-แปซิฟิกไม่รวมญี่ปุ่น ปรับตัวขึ้น 0.2% เช้านี้ ใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ดัชนีนิกเกอิดีดตัวขึ้น 1% โดยฟื้นตัวจากการติดลบเมื่อวานนี้ซึ่งมีการซื้อขายอย่างระมัดระวัง
-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามในคำสั่งบริหารเมื่อวานนี้เพื่อสั่งให้สำนักงานต่างๆของสหรัฐยกเลิกการใช้โดรนที่ผลิตโดยจีนออกไปจากกองโดรนของรัฐบาลสหรัฐ และเพื่อประเมินความเสี่ยงด้ายความมั่นคง
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ได้สั่งให้ทุกหน่วยงานของสหรัฐประเมินความเสี่ยงด้านความมั่นคงของฝูงบินโดรนของรัฐบาลที่เกิดจากโดรนที่ผลิตโดยบริษัทของจีนหรือของประเทศอื่นๆ ที่ดูเหมือนจะเป็นศัตรูของสหรัฐ
-- คณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมยกเลิกมาตรการเข้มงวดด้านการเดินทางสำหรับผู้โดยสารที่เดินทางมาจากประเทศยุโรป อังกฤษ และบราซิล โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 26 ม.ค.นี้
ก่อนหน้านี้ ทำเนียบขาวภายใต้การนำของคณะบริหารของปธน.ทรัมป์ได้ออกมาตรการเข้มงวดด้านการเดินทางจากกลุ่มประเทศดังกล่าว เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลสหรัฐได้กำหนดให้ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงพลเมืองสหรัฐด้วยนั้น ต้องมีผลการตรวจเชื้อโควิด-19 เป็นลบก่อนที่จะเดินทางไปยังสหรัฐ โดยข้อกำหนดดังกล่าวจะมีผลในวันที่ 26 ม.ค.นี้เช่นกัน
-- รัฐบาลแคนาดาเตรียมยกเลิกคำสั่งห้ามเครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX ขึ้นบินในวันที่ 20 ม.ค. ซึ่งสอดคล้องกับประเทศอื่นๆ รวมถึงสหรัฐ ที่อนุญาตให้นำเครื่องบินรุ่นดังกล่าวขึ้นบินอีกครั้ง หลังจากที่สั่งระงับบินเป็นเวลาเกือบ 2 ปี อันเนื่องมาจากเครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX ประสบอุบัติตก 2 ครั้ง ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 346 ราย
คณะกรรมการกำกับดูแลด้านการขนส่งของแคนาดาได้ออกข้อกำหนดสมควรเดินอากาศ (Airworthiness Directive) ให้กับบรรดาเจ้าของเครื่องบิน, วิศวกรด้านการบำรุงรักษาเครื่องบิน และหน่วยงานกำกับดูแลด้านการบินพลเรือนในต่างประเทศ รวมทั้งข้อกำหนดเกี่ยวกับการฝึกอบรมเพิ่มเติมให้กับลูกเรือของสายการบินต่างๆ
-- นางเจเน็ต เยลเลน ว่าที่รัฐมนตรีคลังคนใหม่ของสหรัฐได้แสดงความเชื่อมั่นว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ซึ่งนำเสนอโดยนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐนั้น เป็นมาตรการที่จะช่วยเหลือประชาชนให้สามารถรับมือกับวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
"ดิฉันเชื่อว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับนี้จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบเป็นเวลานานจากการแพร่ระบาด เศรษฐกิจสหรัฐจำเป็นต้องได้รับการฟื้นฟู เพื่อให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่า คนงานชาวอเมริกันสามารถแข่งขันกับชาติอื่นๆในตลาดโลกได้" นางเยลเลนกล่าวในร่างแถลงการณ์ที่เตรียมแถลงต่อคณะกรรมการด้านการเงินของวุฒิสภาสหรัฐซึ่งจะมีขึ้นในวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น
-- Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 95,566,768 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 2,041,418 ราย
สหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก (24,483,583) รองลงมาคืออินเดีย (10,572,672), บราซิล (8,488,099), รัสเซีย (3,591,066), สหราชอาณาจักร (3,395,959), ฝรั่งเศส (2,910,989), ตุรกี (2,387,101), อิตาลี (2,381,277), สเปน (2,252,164) และเยอรมนี (2,050,099)
-- บรูซ เอลเวิร์ด ที่ปรึกษาอาวุโสขององค์การอนามัยโลก เปิดเผยว่า WHO อยู่ระหว่างเจรจากับไฟเซอร์เพื่อรวมวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทให้เป็นหนึ่งในวัคซีนที่ WHO จะนำไปแจกจ่ายให้กับบรรดาประเทศยากจน
"เรากำลังหารือในรายละเอียดกับไฟเซอร์ เราเชื่อว่าเร็วๆ นี้ เราจะเข้าถึงผลิตภัณฑ์นั้นได้" เอลเวิร์ดกล่าวในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารขององค์การอนามัยโลก พร้อมกับเสริมว่า WHO จะพิจารณาวัคซีนตัวอื่นเพิ่มด้วย
ทั้งนี้ โครงการ COVAX ของ WHO ซึ่งเป็นโครงการกระจายวัคซีนต้านโควิด-19 ให้แก่ประเทศสมาชิก มีกำหนดที่จะเริ่มแจกจ่ายวัคซีนไปยังประเทศยากจนและประเทศรายได้ปานกลางในเดือนก.พ.นี้ โดยมีเป้าหมายที่จะส่งมอบวัคซีน 2 พันล้านโดสภายในสิ้นปี 2564
-- รัฐบาลจีนประกาศคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่สหรัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับประเด็นไต้หวัน ซึ่งรวมถึงประเด็นที่สหรัฐยกเลิกการควบคุมการติดต่อสื่อสารระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐและไต้หวัน
นางหัว ชุนหยิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนออกแถลงการณ์ในวันนี้ว่า "เมื่อพิจารณาจากการกระทำของฝั่งสหรัฐแล้ว จีนได้ตัดสินใจคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่สหรัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับประเด็นไต้หวัน"
สื่อต่างประเทศรายงานว่า ความเคลื่อนไหวของจีนเป็นการแสดงปฏิกริยาต่อการที่นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐประกาศว่า สหรัฐอาจคว่ำบาตรผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจับกุมนักเคลื่อนไหวฝ่ายค้านกว่า 50 คนในฮ่องกง และจะส่งนางเคลลี คราฟต์ เอกอัครทูตสหรัฐประจำ UN เดินทางเยือนไต้หวัน โดยจะเข้าพบประธานาธิบดีไช่ อิงเหวินของไต้หวันด้วย
-- ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญในวันนี้ เยอรมนีเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนธ.ค.และดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเดือนม.ค.จากสถาบัน ZEW และอียูเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเดือนม.ค.จากสถาบัน ZEW
ส่วนในวันพรุ่งนี้ ธนาคารกลางจีนกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR, อังกฤษและอียูเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนธ.ค. และสหรัฐเปิดเผย ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนม.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB)