นางเจเน็ต เยลเลน ว่าที่รัฐมนตรีคลังสหรัฐได้แถลงต่อคณะกรรมาธิการด้านการเงินแห่งวุฒิสภาสหรัฐเมื่อคืนนี้ว่า สหรัฐสามารถรับมือกับการปรับขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคล หากรัฐบาลสหรัฐประสานงานร่วมกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก
"เรารอคอยที่จะทำงานร่วมกับประเทศอื่นๆ โดยผ่านทางการเจรจาด้านภาษีร่วมกับประเทศในกลุ่มองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) เพื่อขอความร่วมมือแบบพหุภาคี ซึ่งจะช่วยหยุดยั้งปัจจัยที่จะสร้างผลกระทบในเชิงลบ และจะช่วยให้สามารถหาข้อสรุปเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีจากบริษัทเอกชน"
"ในบริบทของการปรับขึ้นภาษีนั้น เราจะสร้างความเชื่อมั่นเกี่ยวกับศักยภาพในการแข่งขันของบริษัทอเมริกัน แม้ว่าอาจจะมีการปรับขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคลก็ตาม" นางเยลเลนกล่าว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าสหรัฐอาจต้องขอความร่วมมือกับประเทศอื่นๆ ในประเด็นการปรับขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคล
ทั้งนี้ ในช่วงการรณรงค์หาเสียงของนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐนั้น นายไบเดนได้เสนอให้มีการปรับขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคลขึ้นสู่ระดับ 28% จากปัจจุบันที่ระดับ 21%
นอกเหนือจากการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายด้านภาษีแล้ว นางเยลเลนยังได้เรียกร้องให้สภาคองเกรสเร่งอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ที่นำเสนอโดยนายไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ โดยกล่าวว่ามาตรการดังกล่าวจะก่อให้เกิดประโยชน์มากกว่าที่จะทำให้เศรษฐกิจเผชิญกับความเสี่ยงด้านหนี้สิน พร้อมกับเรียกร้องให้สภาคองเกรสดำเนินการเพิ่มขึ้นอีก มิฉะนั้นเศรษฐกิจสหรัฐจะเผชิญกับการถดถอยที่ยาวนานและรุนแรงมากขึ้น และอาจได้รับความเสียหายในระยะยาว
ทั้งนี้ นางเยลเลนจะเข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคลังสหรัฐแทนนายสตีเวน มนูชิน หากเธอได้รับการรับรองจากวุฒิสภาสหรัฐ ขณะที่นายมนูชินจะก้าวลงจากตำแหน่งในวันพุธที่ 20 ม.ค.นี้