บรรดานักวิเคราะห์ในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์กล่าวว่า การที่มณฑลเหอเป่ยของจีนซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีการผลิตเหล็กเป็นสินค้าสำคัญได้ประกาศล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดรอบใหม่ของโรคโควิด-19 นั้น ส่งผลให้บรรดาบริษัทผลิตเหล็กเผชิญกับความยากลำบากในการขนส่งโลหะให้กับลูกค้า โดยนักวิเคราะห์ประมาณการว่า มณฑลเหอเป่ยมีการผลิตเหล็กในสัดส่วนสูงถึง 20% ของผลผลิตเหล็กโดยรวมของจีน
เมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา เทศบาลเมืองหลางฟาง ซึ่งตั้งอยู่ในมณฑลเหอเป่ย ได้สั่งให้ประชาชนในเมืองซึ่งมีอยู่เกือบ 5 ล้านคน อยู่แต่ในบ้านเป็นเวลา 7 วัน พร้อมกับใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมที่เข้มงวด ขณะที่เมืองฉือเจียจวง ซึ่งตั้งอยู่ในมณฑลเหอเป่ยเช่นกัน และมีพลเมือง 11 ล้านคน ได้ประกาศล็อกดาวน์แล้วก่อนหน้านี้ หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างมาก
เอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ระบุว่า การใช้มาตรการล็อกดาวน์อาจจะยังไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตเหล็กในขณะนี้ แต่ก็จะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้เหล็ก เนื่องจากมาตรการดังกล่าวทำให้ภาคการผลิตต้องหยุดการดำเนินงานเร็วกว่าแผนเดิมที่วางไว้ก่อนที่จะถึงช่วงวันหยุดเทศกาลตรุษจีน
ทั้งนี้ คาดว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะทำให้ความต้องการและราคาวัตถุดิบประเภทต่างๆ ที่ใช้ในการผลิตเหล็ก เช่น สินแร่เหล็กนั้น อาจพุ่งขึ้นอย่างมากในระยะเวลาอันใกล้นี้
นายดาเนียล ไฮเนส นักวิเคราะห์ด้านสินค้าโภคภัณฑ์จากธนาคาร ANZ ของออสเตรเลียกล่าวว่า สถานการณ์ดังกล่าวอาจลุกลามจนส่งผลกระทบต่อราคาสินแร่เหล็ก เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นในมณฑลเหอเป่ยอาจทำให้โรงงานผลิตเหล็กหลายแห่งในพื้นที่แห่งนี้ต้องถูกล็อกดาวน์ด้วย ซึ่งจะมีผลกระทบต่อความต้องการสินแร่เหล็ก และคาดว่าบรรดาโรงงานถลุงเหล็กจะเผชิญกับภาวะติดขัดด้านการขนส่งซึ่งจะกระทบต่อการผลิตเหล็กในที่สุด