นักลงทุนในตลาดการเงินทั่วโลกจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีการแถลงในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่วันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย โดยนักลงทุนรอดูว่าเฟดจะยังคงซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในวงเงิน 1.2 แสนล้านดอลลาร์/เดือนต่อไปหรือไม่
สำหรับปัจจัยที่ทำให้ผลประกอบการของไมโครซอฟท์ออกมาดีเกินคาดนั้น มาจากการขยายตัวของ Azure ซึ่งเป็นธุรกิจให้บริการด้านคลาวด์ คอมพิวติ้ง โดยรายได้ของธุรกิจ Azure พุ่งขึ้น 50% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 42%
-- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (WEO) เมื่อวานนี้ โดยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกหดตัว 3.5% ในปี 2563 ซึ่งดีกว่าตัวเลขคาดการณ์ในเดือนต.ค.ปีที่แล้วที่ระบุว่าเศรษฐกิจโลกหดตัว 4.4%
นอกจากนี้ IMF ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2564 สู่ระดับ 5.5% ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะขยายตัว 5.2% และคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 4.2% ในปี 2565
อย่างไรก็ดี IMF เตือนว่าเศรษฐกิจโลกยังคงเผชิญความไม่แน่นอน ท่ามกลางการแพร่ระบาดรอบใหม่ และการกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19
-- นายจูเซปเป คอนเต นายกรัฐมนตรีอิตาลี ประกาศลาออกจากตำแหน่งเมื่อวานนี้ ท่ามกลางภาวะปั่นป่วนทางการเมือง
นายคอนเตได้ยื่นหนังสือลาออกต่อประธานาธิบดีเซอร์จิโอ แมตตาเรลลาแล้ว ขณะที่นายแมตตาเรลลาเรียกร้องให้นายคอนเตดำรงตำแหน่งรักษาการนายกรัฐมนตรีในระหว่างที่พรรคการเมืองต่างๆทำการหารือกันจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่
หากพรรคการเมืองอิตาลีประสบความล้มเหลวในการตั้งรัฐบาลใหม่ ก็จะส่งผลให้อิตาลีต้องจัดการเลือกตั้งครั้งใหม่
ทั้งนี้ การเมืองอิตาลีประสบความวุ่นวายในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่พรรค Italia Viva ประกาศถอนตัวจากการเป็นรัฐบาลผสม ท่ามกลางความขัดแย้งเกี่ยวกับการจัดตั้งและบริหารกองทุนเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหภาพยุโรป (EU)
-- Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 100,810,747 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 2,165,100 ราย
ขณะนี้ สหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก (26,009,788) รองลงมาคืออินเดีย (10,690,279), บราซิล (8,936,590), รัสเซีย (3,756,931), สหราชอาณาจักร (3,689,746), ฝรั่งเศส (3,079,943), สเปน (2,733,729), อิตาลี (2,485,956), ตุรกี (2,442,350), เยอรมนี (2,163,113) และโคลอมเบีย (2,041,352)
นอกจากนี้ สหรัฐยังเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดในโลก (435,406) ตามมาด้วยบราซิล (218,918), อินเดีย (153,751), เม็กซิโก (150,273) และสหราชอาณาจักร (100,162)
-- บริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) เปิดเผยว่า ทางบริษัทจะเปิดเผยผลการทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ในไม่ช้า
มีการคาดการณ์ว่า J&J จะเปิดเผยผลการทดลองวัคซีนโควิด-19 ในสัปดาห์นี้ หลังจากที่ได้ทำการทดลองวัคซีนในระยะที่ 3 กับอาสาสมัครจำนวน 45,000 คน
การทดลองทางคลินิกสำหรับวัคซีนต้านโควิด-19 ของ J&J ได้ถูกระงับในเดือนต.ค.ปีที่แล้ว หลังจากพบว่าผู้เข้าร่วมการทดลองรายหนึ่งได้ล้มป่วยลงโดยไม่ทราบสาเหตุ
-- นางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป (EU) กล่าวว่า บริษัทผู้ผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 จะต้องรักษาคำพูดเกี่ยวกับการส่งมอบวัคซีนให้แก่ EU
ขณะเดียวกัน นายเอดการ์ รินเควิช รมว.ต่างประเทศลัตเวีย ก็ได้ออกมาเปิดเผยว่า EU อาจทำการฟ้องร้องแอสตร้าเซนเนก้าต่อศาลในข้อหาละเมิดสัญญาจัดส่งวัคซีนโควิด-19
นอกจากนี้ EU ยังขู่ที่จะทำการจำกัดการส่งออกวัคซีนโควิด-19 ที่มีการผลิตในยุโรป โดยไฟเซอร์มีโรงงานผลิตวัคซีนอยู่ในเบลเยียม
ด้านเจ้าหน้าที่ระบุว่า EU จะกำหนดให้บริษัทยาทำการลงทะเบียนการส่งออกวัคซีนโควิด-19 เพื่อป้องกันการนำโควต้าวัคซีนของ EU ไปส่งมอบให้แก่ประเทศอื่น
ทั้งนี้ แอสตร้าเซนเนก้าแถลงเมื่อวันศุกร์ว่า วัคซีนโควิด-19 ที่ทางบริษัทพัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด จะมีการส่งมอบไปยัง EU ต่ำกว่าเป้าหมายจนถึงปลายเดือนมี.ค. อันเนื่องจากปัญหาด้านการผลิต โดยคาดว่าจะมีการลดปริมาณการส่งมอบวัคซีนลง 60% เหลือเพียง 31 ล้านโดส
ทางด้านออสเตรเลียและไทยก็ประสบปัญหาการส่งมอบวัคซีนจากแอสตร้าเซนเนก้าเช่นกัน
-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ ออสเตรเลียมีกำหนดเปิดเผยความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนธ.ค.จากเนชันแนล ออสเตรเลีย แบงก์ (NAB), จีนจะเปิดเผยกำไรภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค., เยอรมนีจะเปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.จากสถาบัน GfK, สหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนธ.ค., สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) และคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) มีกำหนดแถลงมติอัตราดอกเบี้ย (เช้าวันที่ 28 ม.ค.)
ส่วนในวันพรุ่งนี้ อียูมีกำหนดเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเดือนม.ค.และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค. ด้านสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2563 (ประมาณการเบื้องต้น), ยอดขายบ้านใหม่เดือนธ.ค. รวมถึงดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนธ.ค.จาก Conference Board