ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ซึ่งเสร็จสิ้นลงเมื่อวานนี้ (27 ม.ค.) โดยระบุว่า เฟดมีความมุ่งมั่นที่จะใช้เครื่องมือทั้งหมดที่มีอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจสหรัฐในช่วงเวลาที่กำลังเผชิญกับความท้าทายในขณะนี้ โดยเฟดเชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนการจ้างงานให้ขยายตัวอย่างเต็มศักยภาพ และบรรลุเป้าหมายในการรักษาเสถียรภาพด้านราคา
-- นายแอนโธนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐกล่าวกับบรรดารมว.ต่างประเทศในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกว่า สหรัฐได้ปฏิเสธการอ้างสิทธิ์ทางทะเลที่มากเกินไปของจีนในทะเลจีนใต้ และเน้นย้ำที่จะพัฒนากลไกพหุภาคี เช่น "Quad" หรือกลุ่มภาคี 4 ประเทศประชาธิปไตยในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก เพื่อรับมือกับความท้าทายต่างๆ ในระดับโลก
-- บริษัทเฟซบุ๊ก อิงค์ เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 4/2563 โดยระบุว่า กำไรสุทธิอยู่ที่ระดับ 1.122 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 3.88 ดอลลาร์/หุ้น ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562 ที่ระดับ 7.35 พันล้านดอลลาร์ หรือ 2.56 ดอลลาร์/หุ้น
ส่วนรายได้โดยรวม ซึ่งรวมถึงรายได้จากการโฆษณาด้วยนั้น พุ่งขึ้นแตะระดับ 2.807 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาส 4/2563 จากระดับ 2.108 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาส 4/2562 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.644 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยปัจจัยที่ทำให้ผลประกอบการของเฟซบุ๊กแข็งแกร่งในไตรมาส 4 นั้น มาจากรายได้จากการโฆษณาของบรรดาธุรกิจค้าปลีกอีคอมเมิร์ซ
-- เทสลา อิงค์ ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยกำไรในไตรมาส 4/2563 ที่ระดับ 270 ล้านดอลลาร์ หรือ 24 เซนต์/หุ้น เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 105 ล้านดอลลาร์ หรือ 11 เซนต์/หุ้น
ส่วนรายได้ในไตรมาส 4/2563 พุ่งขึ้น 46% แตะระดับ 1.074 หมื่นล้านดอลลาร์ จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562 ซึ่งอยู่ที่ 7.38 พันล้านดอลลาร์ โดยได้แรงหนุนจากยอดส่งมอบรถยนต์ที่แข็งแกร่ง
-- อินเตอร์เนชั่นแนล ดาต้า คอร์ปอเรชั่น (IDC) เปิดเผยว่า บริษัทแอปเปิล อิงค์ มียอดขายสมาร์ทโฟนสูงที่สุดในโลกในไตรมาสที่ 4/2563 ขณะที่ยอดขายของบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ลดลง เพราะผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐ
IDC ระบุว่า ยอดขายสมาร์ทโฟนของแอปเปิลอยู่ที่ 90.1 ล้านเครื่องในไตรมาส 4/2563 เพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบเป็นรายปี ทำให้แอปเปิลมีส่วนแบ่งในตลาดโลกอยู่ที่ 23.4% ส่วนยอดขายสมาร์ทโฟนของแอปเปิลในประเทศจีน รวมฮ่องกงและไต้หวัน พุ่งขึ้น 57% ในไตรมาส 4
ทั้งนี้ แอปเปิลพลิกกลับมาทำยอดขายแซงหน้าซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ซึ่งเคยเป็นเจ้าตลาด โดยซัมซุงมียอดขายสมาร์ทโฟนอยู่ที่ 73.9 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 6.2% เมื่อเทียบรายปี
-- กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (DHS) ของสหรัฐออกประกาศเตือนภัยเกี่ยวกับการก่อการร้ายภายในประเทศ โดยเตือนว่า สหรัฐอาจเผชิญกับภัยคุกคามที่รุนแรงขึ้นจากกลุ่มหัวรุนแรงภายในประเทศ (DVE) หลังเกิดเหตุการณ์จลาจลในอาคารรัฐสภาสหรัฐเมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา
DHS ระบุในคำประกาศว่า กลุ่ม DVE ได้รับ "แรงจูงใจจากประเด็นต่างๆ รวมถึงความไม่พอใจต่อมาตรการคุมเข้มเพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19, ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปี 2563 และการใช้กำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจ" พร้อมเสริมว่า "มีความกังวลว่า แรงขับเคลื่อนเดียวกันนี้ที่นำไปสู่การใช้ความรุนแรงนั้น จะคงอยู่ไปตลอดช่วงต้นปี 2564"
-- ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐ ได้ลงนามในคำสั่งบริหารเพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงการระงับสัมปทานน้ำมันและก๊าซบนพื้นที่ของรัฐบาลกลาง และปรับลดเงินอุดหนุนเชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันนโยบายที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและกระตุ้นการจ้างงานใหม่ แม้จะถูกคัดค้านจากกลุ่ม Big Oil ซึ่งออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่ามาตรการดังกล่าวจะส่งผลให้สหรัฐต้องสูญเสียงานหลายล้านตำแหน่งและรายได้หลายพันล้านดอลลาร์ ในขณะที่เศรษฐกิจของประเทศกำลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
-- สำนักงานสถิติของฟิลิปปินส์เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของฟิลิปปินส์ หดตัวลง 8.3% ในไตรมาส 4/2563 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะหดตัว 7.9% หลังจากหดตัว 11.4% ในไตรมาสที่ 3/2563
ทั้งนี้ เศรษฐกิจฟิลิปปินส์หดตัวมากกว่าที่คาดการณ์ในไตรมาส 4 ของปี 2563 แม้ว่าจะมีการกลับมาเปิดธุรกิจมากขึ้น หลังจากผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ก็ตาม
-- สภาทองคำโลก (WGC) คาดการณ์ว่า ความต้องการทองคำในอินเดียจะดีดตัวขึ้นในปีนี้ หลังจากที่ร่วงลง 35% แตะระดับต่ำสุดในรอบ 26 ปีในปี 2563 อันเป็นผลจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยคาดว่าความต้องการทองคำในอินเดียปีนี้จะได้รับปัจจัยหนุนจากการเติบโตของเศรษฐกิจ หลังอินเดียพบผู้ป่วยโควิด-19 ลดลง
-- ทีมผู้เชี่ยวชาญขององค์การอนามัยโลก (WHO) ได้เริ่มต้นการสอบสวนอย่างละเอียดแล้วในเมืองอู่ฮั่น ทางตอนกลางของจีน ซึ่งมีการตรวจพบไวรัสโควิด-19 ครั้งแรกเมื่อปลายปี 2562 หลังเสร็จสิ้นการเข้ารับการกักตัวเป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ โดยทีมผู้เชี่ยวชาญคาดว่าจะเดินทางไปที่ตลาดอู่ฮั่น ซึ่งปิดทำการตั้งแต่เดือนม.ค. 2563 เพื่อติดตามหาต้นกำเนิดของเชื้อไวรัส
นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังน่าจะเข้าตรวจสอบห้องปฏิบัติการแห่งหนึ่ง เพื่อจัดการกับข่าวลือที่ว่าเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคโควิด-19 หลุดออกมาโดยบังเอิญจากสถานที่แห่งนี้
-- นักวิจัยรายหนึ่งของบราซิลเปิดเผยกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ซึ่งพบในญี่ปุ่น แต่มีต้นกำเนิดในเมืองมาเนาส์ รัฐอามาโซนัสของบราซิลนั้น ได้กลายเป็นสายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดในเมืองมาเนาส์แล้ว และได้ตอกย้ำข้อสันนิษฐานในเบื้องต้นที่ว่า ไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้อาจแพร่ระบาดได้เร็วกว่าเดิม
นักวิทยาศาสตร์เรียกไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่นี้ว่า Brazil P.1 และล่าสุดเมื่อวันอังคารที่ 26 ม.ค.ที่ผ่านมา ทางการบราซิลรายงานการพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ 3 รายแรกในรัฐเซาเปาโลของบราซิลแล้ว
-- สถาบันโลวี (Lowy Institute) ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยของออสเตรเลีย เปิดเผยว่า ประเทศในเอเชียแปซิฟิกประสบความสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 มากที่สุด โดยนิวซีแลนด์และเวียดนามอยู่ในอันดับ 1 และ 2 ตามลำดับ ขณะที่ไทยอยู่ในอันดับ 4
สถาบันโลวีใช้ข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะเพื่อประเมินและจัดอันดับการรับมือโควิด-19 ของ 97 ประเทศและอีกหนึ่งภูมิภาค ในช่วง 36 สัปดาห์หลังมีการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายที่ 100 ในประเทศ
ทั้งนี้ จีนไม่ได้อยู่ในการจัดอันดับดังกล่าว โดยสถาบันโลวีให้เหตุผลว่า จีนไม่ค่อยมีข้อมูลการทดสอบหาโควิด-19 ที่เปิดเผยต่อสาธารณะ