นางเจน ซากี โฆษกทำเนียบขาวเปิดเผยว่า คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดนจะทำการทบทวนมาตรการด้านความมั่นคงแห่งชาติทั้งหมดที่กำหนดโดยอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งรวมถึงข้อตกลงการค้าเฟสแรกของสหรัฐ-จีนซึ่งลงนามกันไว้ในเดือนม.ค. 2563
ต่อข้อถามที่ว่าปธน.ไบเดนพิจารณาว่าข้อตกลงการค้าสหรัฐ-จีนจะยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไปหรือไม่นั้น นางซากีกล่าวกับทำเนียบขาวว่า ปธน.ไบเดนจะทำการทบทวนมาตรการทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงแห่งชาติที่รัฐบาลชุดก่อนกำหนดขึ้น
นางซากีกล่าวเมื่อวันศุกร์ (29 ม.ค.) ว่า คณะบริหารของนายไบเดนให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ของสหรัฐ-จีน และจะประสานงานและสื่อสารกับพันธมิตรและหุ้นส่วนของเราเกี่ยวกับวิธีที่เราจะร่วมงานกับจีน
อดีตปธน.ทรัมป์ได้ลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนในเดือนม.ค. 2563 โดยจีนสัญญาที่จะเพิ่มการซื้อสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม, พลังงาน และบริการอีกมูลค่าราว 2 แสนล้านดอลลาร์ในระยะเวลา 2 ปี แต่การซื้อดังกล่าวต่ำกว่าเป้าหมายอย่างมากในปี 2563
นายชาด บาว์น เจ้าหน้าที่สถาบันเศรษฐกิจระหว่างประเทศปีเตอร์สันเปิดเผยบทวิเคราะห์ในเดือนนี้ระบุว่า จีนซื้อสินค้าสหรัฐในปี 2563 ต่ำกว่าที่ทำข้อตกลงการค้าไว้ 42%
ทั้งนี้ ทำเนียบขาวยังไม่ได้ออกมาแสดงความเห็นว่า รัฐบาลของนายไบเดนกำลังพิจารณาที่จะยกเลิกข้อตกลงการค้าดังกล่าวหรือไม่
นายดั๊ก บาร์รี โฆษกสภาธุรกิจสหรัฐ-จีนระบุว่า เป็นการเหมาะสมที่คณะบริหารของนายไบเดนจะทบทวนข้อตกลงการค้าและนโยบายอื่นๆ ของอดีตปธน.ทรัมป์ แต่เขาได้ปฎิเสธความวิตกที่ว่า จะมีการยกเลิกข้อตกลงการค้าสหรัฐ-จีนในเร็วๆ นี้