เพย์พาล โฮลดิ้ง (PayPal Holding) ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีด้านการเงิน (ฟินเทค) รายใหญ่ของสหรัฐ รายงานกำไรสุทธิในไตรมาส 4/2563 เพิ่มขึ้น 3 เท่า โดยนายแดน ชูลแมน ซีอีโอของเพย์พาล กล่าวว่า ไตรมาส 4 ถือเป็นไตรมาสที่มีกำไรแข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท ได้แรงหนุนจากการที่ประชาชนใช้บริการการชำระเงินดิจิทัลมากขึ้นในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้ เพย์พาลรายงานกำไรสุทธิ 1.57 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.32 ดอลลาร์ต่อหุ้น เพิ่มขึ้นจากระดับ 507 ล้านดอลลาร์ หรือ 43 เซนต์ต่อหุ้น ในไตรมาส 4 ของปี 2562
ส่วนรายได้ในไตรมาส 4/2563 อยู่ที่ 6.12 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากระดับ 4.96 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่เพย์พาลมีรายได้สูงกว่า 6 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสเดียว
เพย์พาลได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่มากมายในช่วงปลายปี รวมถึงการที่อนุญาตให้ผู้ใช้งานในสหรัฐซื้อขายและถือครองสกุลเงินคริปโตผ่านแพลตฟอร์มของบริษัทได้ โดยกลุ่มลูกค้าที่ซื้อสกุลเงินคริปโตผ่านเพย์พาลนั้นล็อกอินเข้าบัญชีผู้ใช้ของตัวเองบ่อยกว่าเดิมถึงสองเท่าเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้
ข้อมูลจากรัฐบาลจีนเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2563 เพย์พาลได้เข้าถือครองหุ้นเพิ่มอีก 30% ในบริษัท GoPay ของจีนซึ่งมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า Guofubao Information Technology Co หลังจากในปี 2562 เพย์พาลได้เข้าซื้อหุ้น 70% ใน GoPay ซึ่งส่งผลให้เพย์พาลกลายเป็นบริษัทต่างชาติรายแรกที่ได้รับใบอนุญาตให้ครอบครองธุรกิจบริการรับชำระเงินทางออนไลน์ในจีน
การที่เพย์พาลเข้าไปถือหุ้น 100% ใน GoPay นั้น จะทำให้เพย์พาลสามารถแข่งขันกับเจ้าตลาดยักษ์ใหญ่อย่าง อาลีเพย์ (Alipay) ของแอนท์ กรุ๊ป และวีแชทเพย์ (WeChat Pay) ของเทนเซ็นต์ โฮลดิ้งส์ได้