นางเอสเธอร์ จอร์จ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแคนซัส ซิตี้ เตือนว่า ภาวะตึงตัวด้านการเงินในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐอาจจะทวีความรุนแรงมากขึ้น หากรัฐบาลลดการให้ความช่วยเหลือก่อนที่อุตสาหกรรมดังกล่าวจะฟื้นตัวอย่างยั่งยืน
นางจอร์จกล่าวในการประชุม" University of Missouri-Kansas City Real Estate Symposium" เมื่อวานนี้ว่า "ตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยแม้ว่าธุรกิจที่พักอาศัยสำหรับครอบครัวเดี่ยวยังคงไปได้ดี แต่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ซบเซาลงอย่างมาก ดังนั้นหากรัฐบาลลดการให้ความช่วยเหลือก่อนที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะฟื้นตัวอย่างยั่งยืน ก็จะยิ่งซ้ำเติมตลาดให้ทรุดตัวลงไปอีก"
"หากปัญหาตึงตัวด้านการเงินรุนแรงขึ้น ผลที่ตามมาก็คือ บรรดาบริษัทอสังหาริมทรัพย์ต้องเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ ธนาคารผู้ปล่อยกู้เผชิญปัญหาหนี้เสีย และจะทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจอ่อนแรงลงอีก" นางจอร์จกล่าว
ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐซบเซาลงอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา โดยข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า ยอดขายบ้านใหม่ในเดือนธ.ค. 2563 อยู่ที่ระดับ 842,000 ยูนิต ซึ่งแม้ว่าเพิ่มขึ้น 1.6% จากเดือนก่อนหน้า แต่ก็ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 865,000 ยูนิต ส่วนสต็อกบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 302,000 ยูนิต
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณายอดขายบ้าน และสต็อกบ้านในตลาด พบว่า ผู้ขายบ้านต้องใช้เวลา 4.3 เดือนในการขายบ้านจนหมดสต็อกในตลาด เพิ่มขึ้นจากระดับ 4.2 เดือนในเดือนพ.ย.