นายพอล ชาน รัฐมนตรีคลังฮ่องกงกล่าวให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ CNBC ว่า การที่รัฐบาลฮ่องกงปรับขึ้นภาษีอากรสแตมป์ (Stamp Duty) สำหรับการซื้อขายหุ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 28 ปีนั้น จะไม่ส่งผลกระทบต่อศักยภาพด้านการแข่งขันของตลาดหุ้นฮ่องกง
เมื่อวันพุธที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา รัฐบาลฮ่องกงประกาศขึ้นภาษีการซื้อขายหุ้นจากระดับ 0.10% เป็น 0.13% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2536 โดยมาตรการดังกล่าวส่งผลให้ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงร่วงลงหนักสุดในรอบกว่า 5 ปีในวันนั้น อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นฮ่องกงดีดตัวขึ้นในวันถัดมา เนื่องจากนักลงทุนเริ่มปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว
ทั้งนี้ นายชานกล่าวกับผู้สื่อข่าวของ CNBC ว่า "ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกงยังคงแข็งแกร่ง ขณะที่วอลุ่มในตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก ทางรัฐบาลจึงเล็งเห็นว่า นี่เป็นเวลาเหมาะสมที่จะปรับขึ้นภาษีการซื้อขาย ซึ่งเราเชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อศักยภาพด้านการแข่งขัน และในขณะเดียวกันก็จะทำให้รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้นด้วย
นายชานยังกล่าวด้วยว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นฮ่องกงได้ออกมาตรการหลายด้านเพื่อฟื้นฟูศักยภาพด้านการแข่งขันในตลาด ซึ่งรวมถึงการดึงดูดบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐ ให้เข้ามาจดทะเบียนในตลาดรองของฮ่องกง
ทางด้านสื่อฮ่องกงคาดการณ์ว่า การที่รัฐบาลฮ่องกงประกาศขึ้นภาษีการซื้อขายหุ้นในครั้งนี้ จะทำให้รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้น 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ฮ่องกงต่อปี หลังจากที่รัฐบาลกวาดได้รายจากภาษีซื้อขายหุ้นในปีงบประมาณ 2562/2563 ประมาณ 3.32 หมื่นล้านดอลลาร์ฮ่องกง
ตลาดหุ้นฮ่องกงรายงานว่า ผลกำไรจากการดำเนินงานของตลาดหุ้นฮ่องกงในปี 2563 ปรับตัวขึ้น 23% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.15 หมื่นล้านดอลลาร์ฮ่องกง