นายชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐเปิดเผยว่า วุฒิสภาจะเริ่มอภิปรายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ที่เสนอโดยประธานาธิบดีโจ ไบเดนในสัปดาห์นี้ หลังพรรคเดโมแครตยอมถอนข้อเสนอในการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำสู่ระดับ 15 ดอลลาร์ต่อชั่วโมงออกจากมาตรการฉบับนี้
ทั้งนี้ แม้ว่าพรรคเดโมแครตยอมถอนข้อเสนอในการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำออกจากมาตรการ แต่สภาคองเกรสสหรัฐก็จะยังคงผลักดันให้มีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำต่อไป โดยสมาชิกพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันบางส่วนสนับสนุนให้มีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2552 แม้สมาชิกเหล่านี้ยังไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับสัดส่วนค่าแรงที่จะปรับเพิ่มขึ้นก็ตาม โดยปัจจุบันค่าแรงขั้นต่ำของสหรัฐอยู่ที่ 7.25 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง
เมื่อวันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 219 ต่อ 212 เสียง อนุมัติร่างกฎหมายเยียวยาผลกระทบจากโรคโควิด-19 วงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ที่เสนอโดยปธน.ไบเดน และจะส่งร่างกฎหมายดังกล่าวให้กับวุฒิสภาพิจารณาต่อไป โดยสมาชิกสภาพรรคเดโมแครตได้เร่งที่จะอนุมัติกฎหมายดังกล่าวก่อนที่โครงการช่วยเหลือผู้ว่างงานในสหรัฐจะหมดอายุลงในวันที่ 14 มี.ค.นี้
เจ้าหน้าที่ระดับสูงในคณะบริหารของปธน.ไบเดนได้ออกมาสนับสนุนให้สภาคองเกรสเร่งอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับนี้ รวมถึงนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังซึ่งกล่าวว่า สัญญาณบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ไม่ใช่เหตุผลที่คณะบริหารของปธน.ไบเดนจะชะลอการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ เนื่องจากเศรษฐกิจยังคงอยู่ในภาวะที่ย่ำแย่ ในขณะที่ประชาชนจำนวนมากยังคงเผชิญกับความยากลำบาก
ทางด้านสำนักงบประมาณของสภาคองเกรส (CBO) คาดการณ์ว่า หากไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของปธน.ไบเดนแล้ว สหรัฐอาจจะต้องใช้เวลานานถึงปี 2567 จึงจะทำให้ตัวเลขจ้างงานกลับสู่การขยายตัวอย่างเต็มศักยภาพได้อีกครั้ง แต่ในทางกลับกัน การใช้มาตรการดังกล่าวอาจจะทำให้สหรัฐสามารถบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้ภายในปีนี้