ตลาดหุ้นเอเชียดีดตัวขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ หลังดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นกว่า 500 จุดเมื่อวันศุกร์ ขานรับตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐเพิ่มขึ้น 379,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าอาจจะเพิ่มขึ้น 210,000 ตำแหน่ง
ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 6.2% ในเดือนก.พ. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าอาจจะทรงตัวที่ระดับ 6.3%
-- ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งขึ้นกว่า 160 จุดในช่วงเช้านี้ ขานรับข่าววุฒิสภาสหรัฐได้ลงมติเห็นชอบต่อร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ที่เสนอโดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน วุฒิสภาสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 50 ต่อ 49 ผ่านร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์แล้วเมื่อวานนี้ โดยร่างกฎหมายดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
-- ราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นทะลุระดับ 67 ดอลลาร์/บาร์เรลในช่วงเช้านี้ หลังมีรายงานว่า กลุ่มกบฏฮูตีของเยเมนได้ยิงโดรนและขีปนาวุธโจมตีแหล่งอุตสาหกรรมน้ำมันของซาอุดีอาระเบีย ซึ่งรวมถึงโรงกลั่นน้ำมันของบริษัทซาอุดี อารามโค
อย่างไรก็ดี กองทัพซาอุดีอาระเบียสามารถยิงสกัดการโจมตีดังกล่าวได้ทัน ซึ่งทำให้แหล่งผลิตน้ำมันไม่ได้รับความเสียหาย
กระทรวงกลาโหมซาอุดีอาระเบียระบุว่า การโจมตีดังกล่าวไม่เพียงแต่จะพุ่งเป้าทำลายซาอุดีอาระเบียเท่านั้น แต่ยังเป็นการทำลายเสถียรภาพและความมั่นคงของอุปทานพลังงานโลก รวมทั้งเศรษฐกิจโลกด้วย
-- นายหวัง อี้ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของจีน แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในวันนี้ว่า ทางการจีนหวังว่าสหรัฐจะยอมพบกับจีนครึ่งทาง และเลิกใช้นโยบายปิดกั้นอันไม่มีเหตุสมควรซึ่งเป็นอุปสรรคต่อความร่วมมือระหว่างสองฝ่าย
รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของจีน เปิดเผยว่า รัฐบาลจีนยินดีที่จะติดต่อกับสหรัฐบนฐานของความเคารพสิทธิ์ซึ่งกันและกัน และหวังว่าสหรัฐจะเลิกปิดกั้นความร่วมมือระหว่างสองประเทศให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
-- ทางการจีนเปิดเผยข้อมูลการค้าที่แข็งแกร่งเมื่อวานนี้ (7 มี.ค.) และคาดว่าจะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นจีนในวันนี้ โดยจีนระบุว่า ยอดการส่งออกในช่วงเดือนม.ค.-ก.พ. ปีนี้ ทะยานขึ้นถึง 60.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้านั้น โดยพุ่งขึ้นมากกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ซึ่งคาดไว้ว่าจะขยายตัว 38.9% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 18.1% ในเดือนธ.ค.
ส่วนยอดนำเข้าปรับตัวเพิ่มขึ้น 22.2% มากกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ซึ่งคาดไว้ว่าจะขยายตัว 15% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 6.5% ในเดือนธ.ค.
รายงานระบุว่า ในช่วงเวลา 2 เดือนแรกของปีนี้ จีนเกินดุลการค้า 1.0325 แสนล้านดอลลาร์ มากกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจีนจะเกินดุลการค้า 6 หมื่นล้านดอลลาร์
-- สำนักงานความปลอดภัยด้านสาธารณสุข (BASG) ของออสเตรีย ได้ระงับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าในล็อตที่มีปัญหาหนึ่งล็อต หลังพบผู้เสียชีวิตหนึ่งรายจากการใช้วัคซีนล็อตนี้ ขณะเดียวกัน ยังมีอีกรายที่ฉีดวัคซีนล็อตเดียวกันแล้วแสดงอาการป่วยด้วย
การระงับการฉีดวัคซีนล็อตนี้เป็นมาตรการป้องกันล่วงหน้าในขณะที่ทางการออสเตรียเดินหน้าสอบสวนสาเหตุของการเสียชีวิตและอาการป่วยหลังได้รับวัคซีน
-- นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 16-17 มี.ค.นี้ หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุม Wall Street Journal Jobs Summit เมื่อวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า การที่สหรัฐกลับมาเปิดเศรษฐกิจ หลังมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ จะทำให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้น ขณะเดียวกันนายพาวเวลได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับความผันผวนในตลาดพันธบัตรและภาวะตึงตัวด้านการเงินที่ส่งผลกระทบต่อเป้าหมายของเฟด
อย่างไรก็ดี นายพาวเวลไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะใช้มาตรการควบคุมความผันผวนที่เกิดขึ้นในตลาดพันธบัตร ซึ่งสร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนเป็นอย่างมาก
-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ โดยญี่ปุ่นมีกำหนดเปิดเผยดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนม.ค. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนม.ค. ขณะที่เยอรมนีเตรียมเปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค. และสหรัฐเปิดเผยสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนม.ค.
ส่วนในวันพรุ่งนี้ ญี่ปุ่นเปิดเผยการใช้จ่ายภาคครัวเรือนเดือนม.ค. และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2563 (ประมาณการครั้งสุดท้าย) ทางด้านออสเตรเลียมีกำหนดเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนก.พ.จากเนชันแนล ออสเตรเลีย แบงก์ (NAB) ขณะที่เยอรมนีเปิดเผยดุลการค้าเดือนม.ค. และอียูเปิดผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2563 (ประมาณการครั้งที่ 3) ส่วนทางด้านสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมเดือนก.พ.จากสหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB)