ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (7 เม.ย.) หลังจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า เฟดจะยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินต่อไปจนกว่าจะมั่นใจว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มเรือสำราญ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,446.26 จุด เพิ่มขึ้น 16.02 จุด หรือ +0.05%
-- นายอเดวาลี อเดเยโม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยว่า การปรับขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคลของสหรัฐสู่ระดับ 28% นั้นจะไม่ทำให้บริษัทอเมริกันมีศักยภาพในการแข่งขันลดน้อยลง เพราะรัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เชื่อมั่นว่า ประเทศพัฒนาแล้วจะเห็นด้วยกับการกำหนดอัตราภาษีขั้นต่ำทั่วโลก
นายอเดวาลีให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีเมื่อวานนี้ว่า สหรัฐกำลังประสานงานอย่างใกล้ชิดกับชาติพันธมิตรในเรื่องการกำหนดอัตราภาษีขั้นต่ำ และเชื่อว่าชาติพัฒนาแล้วส่วนใหญ่จะร่วมกันกำหนดอัตราภาษีขั้นต่ำเช่นเดียวกับสหรัฐ
-- คณะกรรมการที่ปรึกษาความปลอดภัยด้านวัคซีนขององค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า การเชื่อมโยงกันระหว่างวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทแอสตร้าเซนนาก้า และกรณีการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน พร้อมกับจำนวนเกล็ดเลือดต่ำ ถือว่ามีความเป็นไปได้ แต่ยังไม่มีการยืนยัน
คณะกรรมการของ WHO ระบุว่า จำเป็นต้องมีการศึกษาเรื่องนี้เป็นพิเศษเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างการฉีดวัคซีน และการเกิดปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ
-- สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 3.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลงเพียง 700,000 บาร์เรล
สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 2.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
-- องค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (EMA) จัดการแถลงข่าวเมื่อวานนี้ เกี่ยวกับผลการประเมินความปลอดภัยของวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า
แถลงการณ์ของ EMA ระบุว่า มีความเชื่อมโยงกันที่เป็นไปได้ในการใช้วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ที่ได้รับการพัฒนาจากบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าและมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด และการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในผู้ใหญ่ที่ได้รับการฉีดวัคซีนดังกล่าว
-- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐพุ่งขึ้น 4.8% สู่ระดับ 7.11 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 7.05 หมื่นล้านดอลลาร์
กระทรวงพาณิชย์ยังเปิดเผยว่า การนำเข้าลดลง 0.7% สู่ระดับ 2.58 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนก.พ. ขณะที่การส่งออกลดลง 2.6% สู่ระดับ 1.87 แสนล้านดอลลาร์
-- รัฐมนตรีสาธารณสุขของสหภาพยุโรป (EU) จัดการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมาในเวลา 23.00 น.ตามเวลาไทย หลังการแถลงข่าวขององค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (EMA) ในเวลา 21.00 น. เกี่ยวกับผลการประเมินความปลอดภัยของวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า
"การประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขของ EU มีวัตถุประสงค์เพื่อให้สมาชิกของ EU มีจุดยืนที่เหมือนกัน ไม่เพียงแต่เพื่อป้องกันการเผยแพร่ข้อมูลที่ผิดพลาด แต่เพื่อให้สมาชิกมีความเข้าใจที่ตรงกันเกี่ยวกับนโยบายการใช้วัคซีนใน EU" แถลงการณ์จากโปรตุเกสซึ่งเป็นประธาน EU ในปีนี้ระบุ
-- เมื่อวันพุธที่ผ่านมา สหรัฐส่งเรือพิฆาต USS John S. McCain ผ่านช่องแคบไต้หวัน ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างจีนและไต้หวัน
"เรือ USS John S. McCain ได้แล่นผ่านช่องแคบไต้หวันเพื่อเป็นการแสดงถึงพันธกรณีของสหรัฐที่มีต่อภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกที่มีเสรีและเปิดกว้าง โดยกองทัพสหรัฐจะยังคงส่งเครื่องบินและเรือรบไปยังทุกที่ซึ่งกฎหมายระหว่างประเทศให้การอนุญาต" แถลงการณ์ของกองทัพเรือสหรัฐระบุ
-- กระทรวงกลาโหมไต้หวันแถลงว่า ในวันพุธที่7 เม.ย. เครื่องบินของกองทัพอากาศจีนจำนวน 15 ลำได้ละเมิดน่านฟ้าไต้หวัน ซึ่งรวมถึงเครื่องบินขับไล่ 12 ลำ
นายโจเซฟ วู รมว.ต่างประเทศไต้หวัน กล่าวว่า ไต้หวันพร้อมที่จะปกป้องตัวเองจนถึงวันสุดท้าย หากถูกจีนโจมตี
-- นายหลี่ ชุง เหว่ย รัฐมนตรีไต้หวันและเป็นประธานสภากิจการมหาสมุทรซึ่งดูแลชายฝั่งของไต้หวันกล่าวว่า โดรนของจีนได้บินวนเวียนรอบหมู่เกาะปราตาสของไต้หวัน ซึ่งไต้หวันจะยิงโดรนดังกล่าวหากมีการรุกล้ำดินแดน
"โดรนเหล่านี้ยังไม่เคยรุกล้ำน่านฟ้าและน่านน้ำของเรา พวกมันเพียงแต่บินรอบๆหมู่เกาะ แต่ถ้ามีการรุกล้ำ และเราจำเป็นต้องยิง เราก็จะยิง" นายหลี่กล่าว
-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญวันนี้ ญี่ปุ่นเปิดเผยดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนก.พ. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค., เยอรมนีจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.พ. และสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
ส่วนวันพรุ่งนี้ จีนจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมี.ค. และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมี.ค., เยอรมนีมีกำหนดเปิดเผยดุลการค้าเดือนก.พ. และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.พ., อังกฤษจะเปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือนมี.ค.จากฮาลิแฟกซ์ และสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมี.ค. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.พ.