กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่า หนี้สาธารณะทั่วโลกจะพุ่งขึ้นเกือบแตะระดับ 99% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมทั่วโลก (World GDP) ในปีนี้ เนื่องจากหลายประเทศได้ประกาศใช้มาตรการกระตุ้นด้านการคลังเพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
รายงาน "Fiscal Monitor Report" รอบครึ่งปีของ IMF ซึ่งมีการเผยแพร่เมื่อวานนี้ระบุว่า รัฐบาลทั่วโลกได้ออกมาตรการสนับสนุนระบบสาธารณสุข, ภาคครัวเรือน และภาคธุรกิจ คิดเป็นวงเงินรวมกันสูงถึง 16 ล้านล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่โรคโควิด-19 แพร่ระบาดในช่วงต้นปี 2563
ทั้งนี้ IMF ระบุว่า ในปี 2563 นั้น หนี้สาธารณะทั่วโลกอยู่ที่ระดับ 97.3% ของตัวเลข GDP ซึ่งเพิ่มขึ้น 13% จากระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาด และคาดว่าหนี้สาธารณะทั่วโลกจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 98.9% ในปี 2564 และจากนั้นจะดีดตัวขึ้นแตะ 99% ในปี 2565
IMF คาดการณ์ว่า หนี้สาธารณะต่อตัวเลข GDP ของญี่ปุ่นจะอยู่ที่ 256.5% ในปี 2564 ซึ่งเพิ่มขึ้น 0.3% จากปีที่แล้ว และคาดว่าจะลดลงเล็กน้อยสู่ระดับ 253.6% ในปี 2565
ส่วนหนี้สาธารณะต่อตัวเลข GDP ของสหรัฐซึ่งประกาศใช้มาตรการด้านการคลังเป็นวงเงิน 2.8 ล้านล้านดอลลาร์นับตั้งแต่ปลายปีที่แล้วนั้น คาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 132.8% ในปี 2564 ขณะเดียวกันคาดว่า ตัวเลขหนี้สาธารณะต่อ GDP ของยูโรโซนจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 98.2% และของจีนจะเพิ่มขึ้นแตะ 69.6% ในปี 2564
IMF ระบุว่า นับตั้งแต่เดือนม.ค. 2563 รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศใช้มาตรการด้านการคลังแล้วมูลค่า 5.8 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าประเทศอื่นๆในโลก รองลงมาคือญี่ปุ่นซึ่งใช้มาตรการด้านการคลังมูลค่า 2.2 ล้านล้านดอลลาร์