บริษัทเจเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) และฟอร์ด มอเตอร์ประกาศว่า ทางบริษัทจะปรับลดการผลิตรถยนต์ในอเมริกาเหนือลงอีก เนื่องจากปัญหาขาดแคลนชิป ซึ่งยังคงส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ทั่วโลก
ทั้งนี้ จีเอ็มซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่สุดของสหรัฐระบุว่า โรงงาน Lansing Grand River Assembly ของจีเอ็มจะขยายเวลาระงับการผลิตไปจนถึงสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 26 เม.ย. ส่วนโรงงาน CAMI Assembly (Canada) และโรงงาน Fairfax Assembly จะขยายเวลาระงับการผลิตไปจนถึงสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 10 พ.ค.
จีเอ็มคาดการณ์ว่า การปรับลดการผลิตครั้งล่าสุดอันเนื่องมาจากภาวะขาดแคลนชิปนั้น อาจทำให้ผลกำไรของจีเอ็มในปีนี้ลดลงถึง 2 พันล้านดอลลาร์
ขณะที่ฟอร์ด มอเตอร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับสองของสหรัฐระบุว่า ในสัปดาห์หน้า ทางบริษัทจะระงับการผลิตที่โรงงาน Chicago Assembly Plant รวมทั้งโรงงาน Flat Rock Assembly Plant และโรงงาน Kansas City Assembly Plant บางส่วน นอกจากนี้ ทางบริษัทจะลดการผลิตที่โรงงาน Ohio Assembly Plant ด้วย
รายงานระบุว่า ทำเนียบขาววางแผนที่จะจัดประชุมเพื่อหารือในประเด็นขาดแคลนชิปในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ โดยคาดว่านางแมรี บาร์รา ซีอีโอของจีเอ็ม และนายจิม ฟาร์เลย์ ซีอีโอของฟอร์ด รวมทั้งผู้บริหารของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำอื่นๆ จะเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วย
กลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ได้เรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐให้ความช่วยเหลือ และเตือนว่าภาวะขาดแคลนเซมิคอนดัคเตอร์อาจส่งผลให้การผลิตรถยนต์ลดลง 1.28 ล้านคันในปีนี้ และจะทำให้การผลิตสะดุดลงในอีก 6 เดือนข้างหน้า
ทางด้านนางเจน ซากี โฆษกทำเนียบขาวกล่าวว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ต้องการงบประมาณอย่างน้อย 5 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อช่วยกระตุ้นการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ แต่แผนการดังกล่าวจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาขาดแคลนในระยะสั้นได้