ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐ และเจ้าหน้าที่ของทำเนียบขาว ได้จัดการประชุมทางออนไลน์ร่วมกับบรรดาผู้บริหารของบริษัทรายใหญ่ 19 แห่งในวันจันทร์ (12 เม.ย.) ตามเวลาสหรัฐ เพื่อหารือเกี่ยวกับปัญหาขาดแคลนชิปทั่วโลกซึ่งกำลังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ของสหรัฐ
ทำเนียบขาวเปิดเผยภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมว่า "ปัญหาชิปขาดแคลนซึ่งส่งผลกระทบต่อแทบทุกภาคส่วนในสหรัฐขณะนี้ ถือเป็นสิ่งที่คณะบริหารของปธน.ไบเดนให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ บรรดาผู้บริหารของบริษัทที่เข้าประชุมต่างก็เน้นย้ำถึงความสำคัญของการยกระดับความโปร่งใสของห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ เพื่อที่จะช่วยแก้ปัญหาความขาดแคลนที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและอุปสรรคที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต"
ในระหว่างการประชุมครั้งนี้ ปธน.ไบเดนกล่าวว่า "ผมได้รับการสนับสนุนจากสภาคองเกรสในการจัดหาทุนช่วยเหลืออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ โดยผมได้รับจดหมายจากวุฒิสมาชิก 23 คนและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 42 คนทั้งจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน เพื่อสนับสนุนโครงการ CHIPS for America"
ทางด้านนายจอห์น นูฟเฟอร์ ประธานสมาคมอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐกล่าวภายหลังการประชุมว่า เงินทุนสนับสนุนในโครงการดังกล่าวซึ่งมุ่งเน้นการกระตุ้นการผลิตและการลงทุนด้านการวิจัยนั้น จะช่วยส่งเสริมการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในสหรัฐและสนับสนุนการนวัตกรรมในทุกภาคส่วนของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมที่จำเป็นต้องใช้ชิป
"การประชุมในครั้งนี้ช่วยสร้างความต่อเนื่องด้านความสัมพันธ์ระหว่างคณะบริหารของปธน.ไบเดนและภาคอุตสาหกรรม เพื่อส่งเสริมห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐ โดยผ่านการสนับสนุนด้านการผลิตชิปและการวิจัยจากรัฐบาลกลาง" นายนูฟเฟอร์กล่าว
รายงานระบุว่า ในการประชุมครั้งนี้ นายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ, นายไบรอัน ดีส ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ (NEC) และนางจีนา ไรมอนโด รมว.พาณิชย์สหรัฐ ได้เข้าร่วมหารือพร้อมด้วยผู้บริหารของบริษัทสหรัฐหลายแห่งซึ่งรวมถึงฟอร์ด, เอชพี, เดล นอกจากนี้ ยังได้เชิญผู้บริหารของบริษัทต่างชาติเข้าร่วมประชุมด้วย รวมถึงซัมซุง และไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟคเจอริง คอมพานี (TSMC)
ทั้งนี้ การขาดแคลนชิปคอมพิวเตอร์ได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมต่างๆ ตั้งแต่อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าและอุปกรณ์ทางการแพทย์
การประชุมสุดยอดว่าด้วยการแก้ปัญหาการขาดแคลนชิปครั้งนี้ได้จัดขึ้นในช่วงเวลาที่ฝ่ายบริหารของปธน.ไบเดนเริ่มดำเนินการทบทวนห่วงโซ่อุปทานที่สำคัญของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงเซมิคอนดักเตอร์, แบตเตอรี่ความจุสูง, เวชภัณฑ์ และโลหะหายาก