นายสเปนเซอร์ ฮิลล์ นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐอาจชะลอตัวลง และอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หากสถานการณ์ขาดแคลนชิปเลวร้ายลง
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ปัจจัยหลายประการทำให้ชิปขาดแคลน โดยความต้องการที่พุ่งขึ้นประกอบกับภาวะขาดแคลนชิปนำไปสู่สถานการณ์ที่ยอดสั่งซื้อสินค้าทุกประเภทตั้งแต่รถยนต์ไปจนถึงทีวีและคอมพิวเตอร์แบบทัชสกรีน ปรับตัวขึ้นเป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือน
ทั้งนี้ นายฮิลล์คาดการณ์ว่า ในปี 2564 ภาวะขาดแคลนชิปจะส่งผลให้มีการเรียกเก็บภาษีที่เพิ่มขึ้นตามเงินเฟ้อ ซึ่งอาจทำให้ราคาสินค้าที่ต้องใช้ชิปเป็นส่วนประกอบนั้น พุ่งขึ้นถึง 3% และสถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวขึ้นมากถึง 0.4% ในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้
"เมื่อนำปัจจัยเหล่านี้มาประกอบเข้าด้วยกัน เราจะเห็นว่า ภาวะขาดแคลนชิปมีผลกระทบต่อการขยายของ GDP และภาคอุตสาหกรรม และจะเป็นเหตุให้อัตราเงินเฟ้อที่เกิดจากราคาสินค้าพื้นฐานยังคงเพิ่มขึ้นในปีนี้" นายฮิลล์กล่าว
นายฮิลล์ยังกล่าวด้วยว่า ในขณะที่เซมิคอนดัคเตอร์มีสัดส่วนเพียง 0.3% ของผลผลิตในสหรัฐนั้น แต่ก็มีส่วนสำคัญต่อตัวเลข GDP ในอัตราถึง 12% พร้อมกับกล่าวว่า ภาวะขาดแคลนชิปอาจส่งผลให้การผลิตรถยนต์ลดลงราว 2-6% ในปีนี้