บรรดาประเทศเพื่อนบ้านของอินเดียได้เรียกร้องให้จีนส่งมอบวัคซีนเพื่อช่วยต่อสู้กับโรคโควิด-19 โดยนายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีนกล่าวกับรัฐมนตรีต่างประเทศของอัฟกานิสถาน, บังคลาเทศ, เนปาล, ปากีสถาน และศรีลังกาเมื่อวานนี้ว่า จีนประสงค์ที่จะมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์และวัคซีน เพื่อช่วยเหลือประเทศต่างๆ ในการรับมือกับวิกฤตโรคระบาด
ด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐซึ่งกำลังเผชิญกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่ว่าสหรัฐกักตุนวัคซีนนั้น ได้แสดงความประสงค์ที่จะส่งวัคซีนให้กับอินเดียด้วยเช่นกัน แต่ยังไม่ได้ระบุวันเวลาที่แน่ชัด
-- คณะกรรมาธิการยุโรปเตรียมเรียกเก็บค่าปรับหรือยับยั้งการทำข้อตกลงซื้อขายกิจการโดยรัฐวิสาหกิจต่างชาติ เพื่อป้องกันความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ หลังจากที่จีนเริ่มแผ่อิทธิพลเข้ามาในยุโรปมากขึ้น
แม้คณะกรรมาธิการยุโรปจะไม่ได้กล่าวถึงจีนโดยตรงถึงกฎเกณฑ์ใหม่ดังกล่าว แต่ความเคลื่อนไหวในครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณในการกีดกันด้านการค้าเพิ่มขึ้นในยุโรป ท่ามกลางการชะลอตัวของเศรษฐกิจหนักที่สุดในรอบเกือบ 100 ปี
-- โนมูระ โฮลดิ้งส์ ซึ่งเป็นวาณิชธนกิจและโบรกเกอร์รายใหญ่สุดของญี่ปุ่น ประกาศระงับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่อาวุโสหลายราย รวมถึงเปลี่ยนตัวหัวหน้าฝ่ายความเสี่ยงด้านเครดิต ท่ามกลางความพยายามของบริษัทที่หวังจะฟื้นตัวจากการขาดทุนอย่างหนัก ซึ่งเป็นผลมาจากการผิดนัดชำระหนี้ของกองทุนเฮดจ์ฟันด์ Archegos Capital Management
นอกจากนี้ โนมูระยังได้จ้างทนายความจากภายนอกเข้ามาทำการ "ทบทวนข้อกฎหมายอย่างครอบคลุมและเป็นธรรม" รวมถึงแต่งตั้งหัวหน้าสาขาประจำสหรัฐคนใหม่เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา
-- บริษัทไมโครซอฟท์เปิดเผยผลประกอบการในไตรมาส 3/2564 ตามปีงบการเงินของบริษัท โดยระบุว่า กำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 1.95 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพล Refinitiv คาดการณ์ไว้ที่ 1.78 ดอลลาร์ต่อหุ้น
ส่วนรายได้อยู่ที่ 4.171 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 19% ซึ่งเป็นการขยายตัวที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ปี 2561 โดยได้แรงหนุนจากยอดขายคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (พีซี) ซึ่งพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง อันเนื่องมาจากความต้องการพีซีที่พุ่งขึ้นอย่างมากในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดเมื่อปีที่แล้ว
-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (27 เม.ย.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ซึ่งรวมถึงไมโครซอฟท์และอัลฟาเบท จะเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 1 พร้อมจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีการแถลงในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่ของวันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย รวมทั้งจับตาการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1 ของสหรัฐในวันพฤหัสบดีนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,984.93 จุด เพิ่มขึ้น 3.36 จุด หรือ +0.01% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,186.72 จุด ลดลง 0.90 จุด หรือ -0.02% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,090.22 จุด ลดลง 48.56 จุด หรือ -0.34%
-- สำนักงานต่อต้านการผูกขาดของรัสเซีย (FAS) มีคำสั่งปรับบริษัทแอปเปิล อิงค์เป็นจำนวนเงินกว่า 12 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากบริษัทได้ครอบงำตลาดแอปพลิเคชั่นโทรศัพท์มือถือ
FAS กล่าวโทษแอปเปิลว่าได้สร้างความได้เปรียบต่อผลิตภัณฑ์ของทางบริษัท ขณะที่สร้างเงื่อนไขที่ทำให้เกิดความเสียเปรียบต่อแอปพลิเคชั่นของบริษัทคู่แข่งบนระบบปฏิบัติการ IOS
-- ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ระดับ 121.7 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มเกิดการระบาดของโควิด-19 ในเดือนก.พ.2563 จากระดับ 109.0 ในเดือนมี.ค. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 113.0
ดัชนีความเชื่อมั่นดีดตัวขึ้น ขานรับการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ในวงกว้าง และการเปิดเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งทำให้มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น
-- นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญหลายรายการในวันนี้ โดยในช่วงเช้า เกาหลีใต้ได้เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย., ญี่ปุ่นรายงานยอดค้าปลีกเดือนมี.ค. และออสเตรเลียเปิดเผยได้อัตราเงินเฟ้อไตรมาส 1/2564 ส่วนในช่วงบ่ายนั้น เยอรมนีจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค.จาก GfK, ฝรั่งเศสจะรายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย. ส่วนสหรัฐเตรียมรายงานสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)