ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้แถลงต่อสภาคองเกรสของสหรัฐในวันพุธตามเวลาท้องถิ่นว่า สหรัฐได้ผ่านพ้นจุดวิกฤตและเริ่มฟื้นตัวแล้วจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งทำให้ชาวอเมริกันเสียชีวิตจำนวนมากกว่า 5 แสนคน และยังสร้างความเสียหายอย่างหนักต่อเศรษฐกิจของประเทศ
"อเมริกากำลังจะกลับมาอีกครั้ง เราจะทำให้หายนะกลับกลายเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ เราจะพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส และเราจะทำให้การถดถอยกลายเป็นความเข้มแข็ง" ปธน.ไบเดนกล่าว
อย่างไรก็ดี ปธน.ไบเดนเตือนว่า เขาจะขอให้บริษัทเอกชนและชาวอเมริกันที่ร่ำรวยเข้ามาร่วมแบกภาระด้านการเงินของประเทศมากขึ้น
"นี่เป็นเวลาที่บริษัทของสหรัฐและคนที่ร่ำรวยที่สุดซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 1% ของพลเมืองอเมริกัน จะต้องร่วมแบ่งเบาภาระ โดยทางรัฐบาลจะปรับขึ้นภาษีคนที่ร่ำรวยที่สุด และจะสั่งการให้สำนักงานภาษีดำเนินการกวาดล้างบรรดาเศรษฐีและมหาเศรษฐีที่โกงภาษี" ปธน.ไบเดนกล่าว
ทั้งนี้ ปธน.ไบเดนจะจัดเก็บภาษีเงินได้ส่วนบุคคลในอัตราสูงสุดที่ 39.6% สำหรับผู้ที่มีรายได้มากกว่า 400,000 ดอลลาร์ต่อปี, จัดเก็บภาษีกำไรจากการลงทุน (capital gains tax) สำหรับผู้ที่มีรายได้ตั้งแต่ 1 ล้านดอลลาร์ต่อปีขึ้นไป, ยุติการยกเว้นภาษีกำไรจากการรับมรดก รวมทั้งยุติการยกเว้นภาษีอัตราดอกเบี้ยของกลุ่มผู้จัดการกองทุน
"ทั้งหมดที่ผมเสนอนี้คือสิ่งที่ยุติธรรมแล้ว นี่เป็นความรับผิดชอบด้านการคลัง" ปธน.ไบเดนกล่าว พร้อมกับยืนยันว่าเงินทุนที่ระดมได้จากการปรับขึ้นภาษีจะช่วยสร้างงานหลายล้านตำแหน่ง และจะช่วยหนุนเศรษฐกิจให้เติบโตขึ้น
ทั้งนี้ ปธน.ไบเดนได้แถลงต่อสภาคองเกรสในวันพุธตามเวลาสหรัฐก่อนที่จะครบรอบ 100 วันในการทำงานของเขาในวันนี้ (29 เม.ย.) หลังจากที่ได้สาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46 เมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา