ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยในวันนี้ว่า ราคาค้าส่งเดือนเม.ย. ปรับตัวขึ้น 3.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เพิ่มขึ้นรวดเร็วที่สุดในรอบกว่า 6 ปี เนื่องจากราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้น และสอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ทั้งนี้ ราคาค้าส่ง ซึ่งเป็นราคาสินค้าที่ซื้อขายระหว่างบริษัทนั้น ปรับตัวสูงขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 โดยเพิ่มขึ้นมากที่สุดเมื่อเทียบเป็นรายปีนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2557 และเพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 13 เดือน
เมื่อแยกตามประเภทสินค้าแล้ว ราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันและถ่านหิน พุ่งขึ้น 39.3% ในเดือนเม.ย. เนื่องจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวจากระดับในช่วงการแพร่ระบาดในปีก่อนหน้า
ราคาโลหะนอกกลุ่มเหล็กพุ่งขึ้น 35.2% เนื่องจากความต้องการที่แข็งแกร่งในจีน ขณะที่ราคาเศษโลหะเพิ่มขึ้น 72.8% เนื่องจากความต้องการผลิตภัณฑ์เหล็กในญี่ปุ่นและต่างประเทศปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน
เจ้าหน้าที่ BOJ เปิดเผยว่า "ราคาค้าส่งในญี่ปุ่นได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในต่างประเทศ และได้รับอิทธิพลจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์เป็นอย่างมาก"
ด้านราคาค่าไฟฟ้า ค่าแก๊ส และค่าน้ำ ลดลง 8.1% จากปีก่อนหน้า
ส่วนราคานำเข้าเพิ่มขึ้น 15.1% จากปีก่อนหน้า และราคาส่งออกเพิ่มขึ้น 8.2% เมื่อพิจารณาในรูปของสกุลเงินเยน