สื่อต่างประเทศหลายแห่งซึ่งรวมถึงสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า บริษัทแอมะซอน (Amazon) กำลังเจรจาซื้อกิจการบริษัท Metro Goldwyn Mayer (MGM) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตภาพยนตร์รายใหญ่ของสหรัฐ คิดเป็นวงเงินราว 9 พันล้านดอลลาร์ โดยการเจรจาเพื่อทำข้อตกลงดังกล่าวดำเนินการโดยนายไมค์ ฮอปกินส์ รองประธาน Amazon Studios และ Prime Video ซึ่งทำหน้าที่ติดต่อสื่อสารโดยตรงกับนายเควิน อุลริช ประธานบริหารของบริษัท MGM
ก่อนหน้านี้ สื่อหลายแห่งคาดการณ์ว่า ข้อตกลงดังกล่าวอาจมีมูลค่าราว 7 พันล้านดอลลาร์ - 1 หมื่นล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ MGM ก่อตั้งขึ้นในปี 2467 และเป็นหนึ่งในสตูดิโอภาพยนตร์ที่เก่าแก่ที่สุดของโลก โดยเมื่อเดือนธ.ค. 2563 ทางบริษัทได้ส่งสัญญาณถึงความพร้อมที่จะขายกิจการ และมีการเสนอราคาขายที่ประมาณ 5 พันล้านดอลลาร์ในช่วงเวลาดังกล่าว
ทางด้านอเมซอนมีสมาชิกในธุรกิจ Prime Video กว่า 200 ล้านรายทั่วโลกในขณะนี้ ส่วนผลประกอบการในไตรมาส 1 ปีนี้ แอมะซอนมีกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 15.79 ดอลลาร์ ซึ่งแข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพล Refinitiv คาดการณ์ไว้ที่ระดับเพียง 9.54 ดอลลาร์ ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 1.0852 แสนล้านดอลลาร์ พุ่งขึ้น 44% เมื่อเทียบรายปี และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.0447 แสนล้านดอลลาร์
แอมะซอนเป็นเพียงไม่กี่บริษัทที่ได้ประโยชน์อย่างมหาศาลจากการซื้อขายสินค้าทางออนไลน์ในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาด โดยเฉพาะผลประกอบการไตรมาส 1 ที่แสดงให้เห็นว่า ธุรกิจของอเมซอนยังคงได้ปัจจัยหนุนจากโรคระบาดดังกล่าว
นอกจากนี้ แอมะซอนคาดการณ์ว่า ผลประกอบการในไตรมาส 2 ปีนี้จะยังคงอยู่ในทิศทางที่แข็งแกร่ง โดยคาดว่ารายได้ของบริษัทจะอยู่ในช่วง 1.10 - 1.16 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้ที่ 1.086 แสนล้านดอลลาร์