นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐได้กล่าวสุนทรพจน์ที่สมาคมหอการค้าสหรัฐเมื่อวานนี้ โดยเรียกร้องให้บรรดาผู้นำในภาคธุรกิจจ่ายภาษีเพิ่มขึ้น เพื่อสนับสนุนการใช้จ่ายของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ นอกจากนี้ นางเยลเลนยังเรียกร้องให้เพิ่มความแข็งแกร่งของสหภาพแรงงาน และลดอุปสรรคต่างๆ ที่สกัดกั้นการแข่งขันกับบริษัทต่างชาติ
ในการกล่าวสุนทรพจน์ครั้งนี้ นางเยลเลนได้เน้นย้ำถึงความตั้งใจของทำเนียบขาวในการปรับขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคลและผู้ที่มีรายได้สูงสุด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการระดมเงินทุนในโครงการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน นอกจากนี้ คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยังพยายามเรียกร้องให้มีการกำหนดอัตราภาษีขั้นต่ำทั่วโลกให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน เพื่อสกัดกั้นไม่ให้บริษัทเหล่านี้ย้ายฐานการลงทุนออกนอกประเทศเพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษีที่สูงขึ้น
"อัตราภาษีนิติบุคคลที่ระดับ 1% ของตัวเลขจีดีพี ซึ่งต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในขณะนี้ ทำให้เราเชื่อว่าภาคเอกชนยังสามารถช่วยแบกรับภาระดังกล่าวนี้ได้อย่างเป็นธรรม โดยเสนอให้กลับไปใช้อัตราภาษีนิติบุคคลในระดับปกติดังเช่นในอดีตที่ผ่านมา" นางเยลเลนกล่าวในการประชุม Global Forum on Economic Recovery ซึ่งจัดโดยสมาคมหอการค้าสหรัฐ
นางเยลเลนยังกล่าวด้วยว่า ร่างกฎหมาย "American Families Plan" ของปธน.ไบเดนจะสำรวจลุล่วงได้นั้น ส่วนหนึ่งมาจากการปฏิรูปภาษีหลายประเภท เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าบุคคลที่ร่ำรวยจะมีส่วนช่วยแบกภาระอย่างยุติธรรม
นอกเหนือจากประเด็นภาษีและโครงการโครงสร้างพื้นฐานแล้ว นางเยลเลนยังกล่าวถึงความไม่เท่าเทียมกัน โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่แรงงานขาดอำนาจในการต่อรอง ทั้งนี้ นางเยลเลนกล่าวว่า "คนงาน โดยเฉพาะผู้ที่มีค่าจ้างขั้นต่ำนั้น ไม่ได้รับการปรับขึ้นค่าจ้างมาเป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว แม้ศักยภาพในการผลิตโดยรวมและรายได้ทั่วประเทศปรับตัวสูงขึ้นก็ตาม มีหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหานี้ แต่ปัจจัยหนึ่งที่สำคัญก็คือการที่แรงงานขาดอำนาจในการต่อรอง"