ราคาบิตคอยน์ร่วงลงหลุดระดับ 40,000 ดอลลาร์ในช่วงเที่ยงวันนี้ หลังจากรัฐบาลจีนประกาศห้ามไม่ให้สถาบันการเงินให้บริการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมสกุลเงินคริปโต โดยข่าวดังกล่าวถือเป็นการซ้ำเติมราคาบิตคอยน์ซึ่งเผชิญกับความผันผวนอยู่แล้วก่อนหน้านี้ นับตั้งแต่นายอีลอน มัสก์ ได้ออกมาส่งสัญญาณว่าบริษัทเทสลาจะเทขายบิตคอยน์ที่ถืออยู่ทั้งหมด
ณ เวลา 12.48 น.ตามเวลาไทย ราคาบิตคอยน์ร่วงลง 4,138 ดอลลาร์ หรือ 9.55% แตะที่ 39,180 ดอลลาร์
รัฐบาลจีนประกาศห้ามไม่ให้สถาบันการเงินและบริษัทด้านการชำระเงินให้บริการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมสกุลเงินคริปโต และเตือนไม่ให้นักลงทุนทำการซื้อขายสกุลเงินคริปโตเพื่อเก็งกำไร ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวของจีนถือเป็นความพยายามล่าสุดที่จะสกัดความร้อนแรงในตลาดซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล
สมาคมการเงินอินเทอร์เน็ตแห่งชาติของจีน, สมาคมการธนาคารของจีน และสมาคมการชำระหนี้ของจีนได้ออกแถลงการณ์ร่วมกันโดยระบุว่า ภายใต้คำสั่งห้ามดังกล่าวนี้ สถาบันการเงิน ซึ่งรวมถึงธนาคารและช่องทางต่างๆที่รับชำระเงินทางออนไลน์ จะไม่สามารถให้บริการใดๆ เกี่ยวกับสกุลเงินคริปโตแก่ลูกค้าได้ เช่น การจดทะเบียน, การซื้อขาย และการชำระบัญชี
แถลงการณ์ยังระบุด้วยว่า สถาบันการเงินจะไม่สามารถให้บริการด้านการฝากเงิน, บริการด้านทรัสต์, การบริการสกุลเงินคริปโต อีกทั้งไม่สามารถออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินคริปโต
"เมื่อไม่นานมานี้ ราคาสกุลเงินคริปโตพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงและทรุดตัวลงอย่างหนัก และการซื้อขายเก็งกำไรสกุลเงินคริปโตก็กลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง สิ่งเหล่านี้ทำให้เรากังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของทรัพย์สินของประชาชน และจะส่งผลกระทบต่อความเป็นระเบียบในระบบเศรษฐกิจและการเงิน" แถลงการณ์ระบุ
ส่วนเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา นายมัสก์ส่งสัญญาณผ่านการโพสต์บนทวิตเตอร์ว่า บริษัทเทสลาอาจเทขายบิทคอยน์ทั้งหมดที่ถืออยู่ ซึ่งส่งผลให้ราคาบิตคอยน์ร่วงลงหลุดจากระดับ 45,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 3 เดือน