ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (26 พ.ค.) หลังจากการแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ช่วยให้ตลาดคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ เช่นหุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มธุรกิจเรือสำราญ ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐชะลอตัวลง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,323.05 จุด เพิ่มขึ้น 10.59 จุด หรือ +0.03%
-- ธนาคารกลางเกาหลีใต้ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.50% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้
ขณะเดียวกันธนาคารกลางเกาหลีใต้ได้ปรับเพิ่มแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ เนื่องจากการส่งออกและอัตราเงินเฟ้อเริ่มฟื้นตัวขึ้น ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจเป็นการส่งสัญญาณว่าธนาคารกลางเกาหลีใต้จะยุติการดำเนินนโยบายผ่อนคลายการเงินที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน
-- เกิดเหตุชายคนหนึ่งเปิดฉากกราดยิงที่ลานจอดรถไฟแห่งหนึ่งในเมืองซานโฮเซ รัฐแคลิฟอร์เนียเมื่อวานนี้ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย
รัสเซล เดวิส รองนายอำเภอซานตาคลาราเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตหลายราย รวมถึงมือปืนที่เสียชีวิตแล้วเช่นกัน
-- รัฐบาลฝรั่งเศสเตรียมเปิดเผยมาตรการคุมเข้มพิเศษสำหรับผู้โดยสารที่เดินทางมาจากสหราชอาณาจักร เพื่อสกัดกั้นไวรัสโคโรนาสายพันธุ์อินเดียที่เริ่มมีการตรวจพบในอังกฤษแล้ว
กาเบรียล อัตตาล โฆษกรัฐบาลฝรั่งเศสเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อคืนที่ผ่านมาว่า ฝรั่งเศสจะบังคับใช้มาตรการกักตัวกับผู้โดยสารทุกคนที่เดินทางมาจากสหราชอาณาจักรผ่านทุกช่องทาง
-- สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 1.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าอาจลดลง 1.05 ล้านบาร์เรล
สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐเปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 439,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 21 พ.ค.
-- ศาลเบลเยียมเริ่มพิจารณาคดีที่คณะกรรมาธิการยุโรปซึ่งเป็นฝ่ายบริหารของสหภาพยุโรป (EU) ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้แอสตร้าเซนเนก้าจัดส่งวัคซีนให้แก่สหภาพยุโรป โดยทนายความฝ่าย EU ฟ้องว่า บริษัทยาสัญชาติอังกฤษ-สวีเดนไม่ปฏิบัติตามสัญญาที่ทำร่วมกันว่าจะส่งมอบวัคซีนให้ EU ตามที่กำหนด และขอให้ศาลสั่งปรับบริษัทยาเป็นมูลค่าหลายล้านยูโร
EU ได้นำเรื่องขึ้นสู่ศาลเมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา หลังจากที่แอสตร้าเซนเนก้าเปิดเผยว่าจะจัดส่งวัคซีนให้กับทาง EU เพียง 100 ล้านโดสภายในสิ้นเดือนมิ.ย.นี้ แทนที่จะส่งมอบวัคซีนจำนวน 300 ล้านโดสตามที่ระบุไว้ในสัญญา
-- เสียวหมี่ (Xiaomi) บริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำของจีนรายงานรายได้ 7.69 หมื่นล้านหยวน (1.2 หมื่นล้านดอลลาร์) ในไตรมาสแรกซึ่งสิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา พุ่งขึ้น 55% จากระดับ 4.97 หมื่นล้านหยวนในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 7.47 หมื่นล้านหยวน
ขณะที่กำไรสุทธิพุ่งขึ้นถึง 164% แตะที่ 6.07 พันล้านหยวน (949 ล้านดอลลาร์) มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ 3.97 พันล้านหยวน
-- ประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ของไต้หวันเปิดเผยว่า จีนขัดขวางไม่ให้ไต้หวันซื้อวัคซีนโควิด-19 ที่พัฒนาโดยบิออนเทค (BioNTech SE) ซึ่งเป็นบริษัทยาสัญชาติเยอรมัน
ไช่เปิดเผยในระหว่างการแถลงข่าวที่กรุงไทเปว่า รัฐบาลไต้หวันเกือบได้เซ็นสัญญาซื้อวัคซีนกับบริษัทบิออนเทค แต่รัฐบาลจีนแทรกแซงการเจรจาระหว่างสองฝ่าย จนส่งผลให้ไต้หวันไม่สามารถเซ็นสัญญาได้ในท้ายที่สุด ซึ่งการเปิดเผยเรื่องดังกล่าวมีขึ้นในช่วงเวลาที่ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและไต้หวันกำลังตึงเครียดมากขึ้น
-- คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศญี่ปุ่น (JOC) เปิดเผยว่าจะเริ่มดำเนินการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้แก่นักกีฬาโอลิมปิกประมาณ 600 คน ตลอดจนผู้ฝึกสอนและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องราว 1,000 คน ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.นี้
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า JOC จะไม่เปิดเผยกำหนดการฉีดวัคซีนสำหรับสมาคมกีฬาแต่ละสมาคม แต่ระบุว่า นักกีฬาและเจ้าหน้าที่ที่เดินทางไปต่างประเทศจะได้ฉีดวัคซีนอย่างเร็วที่สุดในช่วงปลายเดือนพ.ค. ที่ศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติในกรุงโตเกียว
ภายใต้ข้อตกลงที่คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) ทำร่วมกับบริษัทยา ไฟเซอร์ ของสหรัฐ เมื่อต้นเดือนนี้นั้น ระบุว่าจะมีการจัดเตรียมวัคซีนสำหรับผู้เข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกทุกคน
-- ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ธนาคารกลางเกาหลีใต้ประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย, จีนเปิดเผยกำไรภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย., เยอรมนีเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย.จาก GfK และสหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนเม.ย., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2564 (ประมาณการครั้งที่ 2) และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนเม.ย.