กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้แสดงความกังวลหลังจากรัฐสภาของเอลซัลวาดอร์มีมติรับรองบิตคอยน์ให้เป็นเงินตราที่สามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมายในประเทศ โดย IMF กังวลว่า การดำเนินการดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อโครงการให้ความช่วยเหลือเอลซาวาดอร์ที่ IMF สนับสนุนอยู่ในขณะนี้ และวิตกว่าจะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อสถานะการออกพันธบัตรของรัฐบาลเอลซาวาดอร์ด้วย
"การรับรองให้บิตคอยน์เป็นเงินตราที่สามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมายได้ก่อให้เกิดความกังวลในหลายประเด็น รวมถึงประเด็นเศรษฐกิจมหภาค การเงิน และข้อกฎหมาย ซึ่งประเด็นเหล่านี้ควรมีการวิเคราะห์อย่างระมัดระวัง ทาง IMF กำลังจับตาสถานการณ์เหล่านี้อย่างใกล้ชิด และเราจะยังคงให้คำปรึกษากับหน่วยงานของรัฐบาลเอลซาวาดอร์" นายเกอร์รี ไรซ์ โฆษก IMF เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวเมื่อวานนี้ (10 มิ.ย.)
ทั้งนี้ นายไรซ์กล่าวว่า IMF จะประชุมร่วมกับนายนายิบ บูเคเล ประธานาธิบดีเอลซัลวาดอร์ โดยขณะนี้เอลซาวาดอร์กำลังหารือกับ IMF เกี่ยวกับโครงการกู้ยืมเงินมูลค่าเกือบ 1 พันล้านดอลลาร์
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา รัฐสภาของเอลซัลวาดอร์ลงมติเห็นชอบผ่านร่างกฎหมายรับรองบิทคอยน์เป็นเงินตราชำระหนี้ได้ตามกฎหมายในประเทศ ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้นถึง 62 เสียงจากทั้งหมด 84 เสียง โดยในร่างกฎหมายนี้จะไม่มีการจำกัดการทำธุรกรรมใดๆ ผู้ค้าสามารถตั้งราคาสินค้าเป็นบิตคอยน์ได้ นอกจากนี้ยังสามารถนำมาชำระภาษีได้ รวมถึงการแลกเปลี่ยนบิตคอยน์จะไม่ถูกเก็บภาษีกำไรที่ได้จากการลงทุน
ทั้งนี้ เอลซัลวาดอร์เป็นประเทศแรกในโลกที่มีการผ่านร่างกฎหมายในลักษณะนี้
ก่อนหน้านี้นายนายิบ บูเคเล ประธานาธิบดีเอลซัลวาดอร์เปิดเผยในการประชุม Bitcoin 2021 ว่า บิตคอยน์จะช่วยให้ครอบครัวรายได้ต่ำรับเงินจากต่างประเทศได้มากขึ้น เพราะไม่ต้องเสียเงินจำนวนมากให้คนกลางอย่างที่ทำกันเป็นปกติเมื่อต้องส่งเงินกลับประเทศ
นอกจากนี้ ผู้นำเอลซัลวาดอร์ยังกล่าวว่า การทำให้บิทคอยน์เป็นเงินตราที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายจะช่วยสร้างงานและทำให้ผู้ที่อยู่นอกระบบเศรษฐกิจเข้าถึงบริการทางการเงินได้ โดยชาวเอลซัลวาดอร์ถึง 70% ไม่มีบัญชีธนาคารและอยู่นอกระบบเศรษฐกิจ