หนังสือพิมพ์วอลล์ สตรีท เจอนัล รายงานว่า ชาวอเมริกันได้ลาออกจากงานเป็นจำนวนสูงสุดในรอบ 20 ปี ซึ่งสร้างความท้าทายให้กับบริษัทที่หวังจะฟื้นฟูธุรกิจในสภาวะที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว
"ตัวเลขของผู้ที่ลาออกจากงานพลิกกลับมาปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากหลังจากช่วงการระบาดใหญ่ของโควิด-19 เมื่อคนจำนวนมากต้องการความมั่นคงในหน้าที่การงาน ในขณะที่เผชิญกับวิกฤตด้านสุขภาพและเศรษฐกิจของประเทศ"
รายงานจากกระทรวงแรงงานระบุว่า อัตราส่วนของชาวอเมริกันที่ลาออกจากงานอยู่ที่ 2.7% ในเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้นจากระดับ 1.6% ในปีก่อนหน้า โดยเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2543
อัตราการลาออกจากงานนั้นจะทำให้นายจ้างต้องเสียต้นทุนมากขึ้น หรืออาจทำให้ธุรกิจต้องหยุดชะงักลง ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ด้านแรงงานกล่าวว่า การลาออกถือเป็นการส่งสัญญาณว่าตลาดแรงงานมีสุขภาพดี เนื่องจากผู้คนหันมาสนใจงานที่เหมาะกับทักษะและความสนใจของตนเองมากขึ้น และต้องการมีชีวิตส่วนตัวมากขึ้นด้วย
ทั้งนี้ มีหลายปัจจัยที่ผลักดันผู้คนเปลี่ยนงาน โดยประชาชนจำนวนมากปฏิเสธที่จะกลับมาทำงานตามปกติ แต่จะเลือกทำงานทางไกลที่มีความยืดหยุ่น หรือลังเลที่จะทำงานในสำนักงานเหมือนก่อนช่วงไวรัสระบาด
"มีประชาชนจำนวนมากที่หมดไฟเนื่องจากภาระงานที่เพิ่มขึ้นและความเครียดจากโควิด-19 ในขณะที่บางคนมองหาค่าจ้างที่สูงขึ้นเพื่อชดเชยการสูญเสียงานของคู่สมรส หรือใช้ปีที่ผ่านมาเพื่อพิจารณาเส้นทางอาชีพและการเปลี่ยนงานใหม่" รายงานระบุ