สำนักงบประมาณแห่งสภาคองเกรสสหรัฐ (CBO) ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปี 2564 ขึ้น 2 เท่า พร้อมกับคาดว่า ยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 3 ล้านล้านดอลลาร์ แม้ว่าการใช้จ่ายด้านการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 จะสูงขึ้นก็ตาม
ทั้งนี้ CBO คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัว 7.4% ในปี 2564 ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 3.7%
อย่างไรก็ดี CBO คาดว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปี 2565 จะชะลอตัวลงสู่ระดับ 3.1% และสู่ระดับ 1.1% ในปี 2566
ขณะเดียวกัน CBO คาดการณ์ว่า ยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 3 ล้านล้านดอลลาร์ หลังจากพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 3.129 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2563 อันเนื่องมาจากโครงการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ทรุดตัวลงอย่างรุนแรงหลังรัฐบาลประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์
การปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐของ CBO สอดคล้องกับที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปี 2564 ขึ้นสู่ระดับ 7% ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากจากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 4.6% โดยการคาดการณ์ดังกล่าวอยู่บนสมมติฐานที่ว่า สภาคองเกรสสหรัฐจะผ่านร่างกฎหมาย American Jobs Plan วงเงิน 2.3 ล้านล้านดอลลาร์เพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และร่างกฎหมาย American Families Plan วงเงิน 1.8 ล้านล้านดอลลาร์เพื่อเยียวยาครัวเรือนสหรัฐ
นางคริสตาลินา จอร์เจียวา ผู้อำนวยการ IMF กล่าวว่า ร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับจะช่วยกระตุ้นอุปสงค์ให้แข็งแกร่งขึ้นในระยะใกล้นี้ และจะมีส่วนช่วยหนุนตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ราว 5.25% ในช่วงปี 2565-2567 นอกจากนี้ จะช่วยปรับปรุงมาตรฐานด้านรายได้และชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้นด้วย
ด้านทำเนียบขาวได้ออกมาขานรับการคาดการณ์ของ CBO และ IMF โดยกล่าวว่า ตัวเลขคาดการณ์เหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า แผนกระตุ้นเศรษฐกิจของปธน.ไบเดนจะสามารถผลักดันเศรษฐกิจให้ขยายตัวขึ้นได้
"ตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ตัวเลขคาดการณ์การขาดดุลงบประมาณปรับตัวลง และอัตราว่างงานก็จะลดลงอย่างต่อเนื่อง สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจในยุคของปธน.ไบเดนกำลังเฟื่องฟู" เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวกล่าว