ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนมิ.ย.ในช่วงเย็นวันพุธตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย โดยรายงานระบุว่า กรรมการเฟดได้หารือกันเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อย่างไรก็ดี กรรมการเฟดมีความเห็นที่แตกต่างกันในประเด็นที่ว่า ควรจะเริ่มปรับลดวงเงิน QE เมื่อใด เนื่องจากมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ
รายงานการประชุมระบุว่า กรรมการเฟดได้หารือกันเรื่องการปรับลดวงเงิน QE โดยมีกรรมการเฟดส่วนหนึ่งมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวรวดเร็วขึ้น แต่ถึงกระนั้นก็ตาม กรรมการเฟดเล็งเห็นความสำคัญของการอดทนรอคอย ก่อนที่จะตัดสินใจใดๆ เกี่ยวกับการปรับลดวงเงิน QE
-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (7 ก.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดทำนิวไฮ ขานรับรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งส่งสัญญาณว่า กรรมการเฟดอาจยังไม่พร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) โดยสัญญาณบวกดังกล่าวช่วยหนุนทั้งหุ้นคุณค่า (Value Stocks) และหุ้นเติบโต (Growth Stocks)
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,681.79 จุด เพิ่มขึ้น 104.42 จุด หรือ +0.30%
-- นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ (UN) ออกแถลงการณ์ประณามเหตุลอบสังหารนายโฌเวแนล โมอิส ประธานาธิบดีเฮติ
"ท่านเลขาธิการเรียกร้องให้ชาวเฮติยังคงอยู่ในความสงบภายใต้รัฐธรรมนูญ และยังคงมีเอกภาพท่ามกลางเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้น และหลีกเลี่ยงจากการก่อความไม่สงบ โดยองค์การสหประชาชาติจะยังคงยืนเคียงข้างรัฐบาลและประชาชนชาวเฮติ" นายสเตเฟน ดูจาร์ริค โฆษกสหประชาชาติ กล่าว
-- ประธานาธิบดีโจ ไบเดนออกแถลงการณ์ประณามเหตุลอบสังหารนายโฌเวแนล โมอิส ประธานาธิบดีเฮติ และภรรยา
"เรารู้สึกช็อกและเศร้าใจต่อข่าวการลอบสังหารนายโฌเวแนล โมอิส ประธานาธิบดีเฮติ และนางมาร์ตีน โมอิส สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง โดยเราขอประณามการกระทำที่น่ารังเกียจในครั้งนี้" ปธน.ไบเดนกล่าว
-- นายโคลด โจเซฟ รักษาการนายกรัฐมนตรีเฮติ แถลงเมื่อคืนที่ผ่านมาว่า คณะรัฐมนตรีของเฮติมีมติประกาศกฎอัยการศึก หลังเกิดเหตุลอบสังหารนายโฌเวแนล โมอิส ประธานาธิบดีเฮติ เมื่อคืนนี้
"หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีฉุกเฉิน เราก็ได้ตัดสินใจประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศ" นายโจเซฟกล่าวในแถลงการณ์ซึ่งมีการถ่ายทอดสดผ่านสถานีโทรทัศน์
-- นายโคลด โจเซฟ รักษาการนายกรัฐมนตรีเฮติ แถลงเมื่อคืนที่ผ่านมาว่า นายโฌเวแนล โมอิส ประธานาธิบดีเฮติ ได้ถูกลอบสังหารเมื่อคืนนี้ โดยกลุ่มติดอาวุธที่ได้บุกเข้าไปยังบ้านพักของเขา
นอกจากนี้ นางมาร์ตีน โมอิส สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ก็ได้เสียชีวิตแล้วเช่นกัน หลังเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลจากอาการบาดเจ็บสาหัสหลังเหตุลอบสังหารดังกล่าว
-- สื่อรายงานว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุคอนโดมิเนียมถล่มในรัฐฟลอริดาของสหรัฐ เพิ่มขึ้นเป็น 46 ศพ หลังจากที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยพบร่างผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก 10 ศพ ท่ามกลางซากปรักหักพังของอาคารดังกล่าว
ทั้งนี้ คอนโดมิเนียม Champlain Towers South ความสูง 12 ชั้น และมีอายุ 40 ปี ได้พังถล่มในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. ขณะที่มีรายงานว่าอาคารแห่งนี้กำลังมีการต่อเติมบริเวณดาดฟ้า รวมทั้งมีการบูรณะซ่อมแซมในส่วนอื่นๆ
-- นายหลุยส์ ดิกสัน นักวิเคราะห์จากบริษัทไรสแตด เอเนอร์จี กล่าวว่า ความขัดแย้งของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันอาจส่งผลให้ประเทศต่างๆพากันแข่งขันกันผลิตน้ำมันโดยไร้ข้อตกลงควบคุมกำลังการผลิต
อย่างไรก็ดี นายดิกสันกล่าวว่า ตลาดยังคงอยู่ในภาวะตึงตัวสำหรับผู้บริโภค โดยเฉพาะในสหรัฐ ซึ่งราคาน้ำมันกำลังมีราคาแพงสำหรับผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรม
-- ทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ระบุว่า การลอบสังหารนายโฌเวแนล โมอิส ประธานาธิบดีเฮติ ถือเป็นโศกนาฎกรรม และเหตุการณ์สะเทือนขวัญ
นอกจากนี้ นางเจน ซากี โฆษกทำเนียบขาว กล่าวว่า สหรัฐกำลังรวบรวมรายงานเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติจะทำการบรรยายสรุปต่อประธานาธิบดีโจ ไบเดนด้วย
-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ ญี่ปุ่นเตรียมเปิดเผยดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนพ.ค., เยอรมนีจะเปิดเผยดุลการค้าเดือนพ.ค. และสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)