IMF เตือนสหรัฐกระตุ้นศก.อาจทำเงินเฟ้อพุ่งต่อเนื่อง-เสี่ยงเร่งเฟดขึ้นดอกเบี้ย

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday July 8, 2021 14:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยว่า การที่รัฐบาลสหรัฐเดินหน้าใช้มาตรการด้านการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น อาจเพิ่มแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ พร้อมกับเตือนว่า ความเสี่ยงของการที่ราคาผู้บริโภคพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น อาจผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้

นางคริสตาลินา จอร์เจียวา ผู้อำนวยการ IMF กล่าวผ่านบล็อกของ IMF ซึ่งมีการเผยแพร่เมื่อวานนี้ว่า อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นในสหรัฐจะส่งผลให้ประเทศทั่วโลกพากันใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินในระดับที่รุนแรง และจะทำให้มีเม็ดเงินไหลออกจากกลุ่มตลาดเกิดใหม่และกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในปริมาณที่สูงมากอย่างมีนัยสำคัญ

ทั้งนี้ IMF ประเมินความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อของสหรัฐในช่วงเวลาที่ส.ส.พรรครีพับลิกันได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับแผนมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ของปธน.โจ ไบเดน ซึ่งเป็นแผนที่มีเป้าหมายกระตุ้นการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน, การดูแลเด็ก และขยายการดูแลให้ครอบคลุมถึงผู้สูงอายุและคนพิการ

นางจอร์เจียวากล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวจากผลกระทบของโควิด-19 ได้อย่างรวดเร็ว โดยคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัวได้ถึง 7% ในปีนี้ ซึ่งจะเอื้อประโยชน์กับหลายประเทศผ่านทางการค้าที่เพิ่มขึ้น แต่อัตราเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นยาวนานกว่าที่คาดการณ์ไว้

เมื่อไม่นานมานี้ IMF ได้ออกรายงานคาดการณ์ว่า เฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในช่วงปลายปี 2565 เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐยังคงฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะมีการบังคับใช้มาตรการกระตุ้นด้านการคลังเพิ่มเติมในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้

IMF ระบุว่า ปัจจัยขับเคลื่อนจากมาตรการกระตุ้นด้านการเงินและการคลังครั้งใหญ่อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ประกอบกับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มที่จะขยายตัวราว 7% ในปีนี้ พร้อมระบุว่า การเปิดเศรษฐกิจจะกระตุ้นอัตราเงินเฟ้อที่เกิดจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่สูงขึ้นในช่วงหลายเดือนข้างหน้า

ทั้งนี้ IMF ยังระบุด้วยว่า หากการตั้งสมมติฐานแนวโน้มเศรษฐกิจและนโยบายการคลังของ IMF เกิดขึ้นจริง ก็มีความเป็นไปได้ว่า เฟดอาจจะต้องเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายปี 2565 หรือต้นปี 2566 และจะเริ่มปรับลดวงเงินในโครงการซื้อสินทรัพย์ในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ