องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ระบุว่า ชาวเมียนมาตกงานจำนวนมากกว่า 1.2 ล้านคนในไตรมาส 2/2564 หลังกองทัพได้ก่อรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเมื่อเดือนก.พ. ซึ่งฉุดเศรษฐกิจเมียนมาถดถอยลง และเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ย่ำแย่อยู่ก่อนแล้ว
ข้อมูลของ ILO เปิดเผยว่า การจ้างงานในเมียนมาหดตัว 6% ในไตรมาส 2 ปีนี้ เมื่อเทียบกับไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่ามีประชาชนตกงานจำนวนมากกว่า 1.2 ล้านคน
"เมียนมากำลังเผชิญกับความตึงเครียดทางเศรษฐกิจ ซึ่งการงานและอาชีพของประชาชนตกอยู่ภายใต้ความเสี่ยงอันเป็นผลพวงจากโรคโควิด-19" โดลิน ลี ตัวแทนของหน่วยงานในเมียนมากล่าวในแถลงการณ์ "ตัวเลขประมาณการแสดงให้เห็นว่า การจ้างงานลดลงอย่างรวดเร็วและรุนแรงในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ในระดับที่สามารถผลักดันให้ประชาชนเมียนมาเข้าสู่ความยากจนที่รุนแรงกว่าเดิม"
นอกจากนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ยิ่งทำให้การควบคุมโรคระบาดในเมียนมาเป็นไปได้ยากขึ้น
รายงานระบุว่า "วิกฤตทางการเมืองในเมียนมาได้ทำให้ผลกระทบจากโควิด-19 รุนแรงขึ้น" และสั่นคลอนเสถียรภาพทางเศรษฐกิจอย่างมาก อีกทั้งยังขัดขวางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ" ส่วนแนวโน้มการจ้างงานในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ระบุว่า "การจ้างงานและชั่วโมงการทำงานในเมียนมาดิ่งลงอย่างมาก" โดยคาดว่าผู้หญิงจะได้รับผลกระทบมากกว่าผู้ชาย
ในขณะที่ทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจเมียนมาได้รับผลกระทบ แต่การจ้างงานในภาคการก่อสร้าง เครื่องนุ่งห่ม และการท่องเที่ยวและการโรงแรม เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยการจ้างงานลดลง 35%, 31% และ 25% ตามลำดับในช่วงครึ่งแรกของปีนี้