เจ้าหน้าที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ที่สามารถแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว อาจสร้างความเสียหายเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าสำหรับกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ โดยจะส่งผลให้ผลผลิตปรับตัวลงอย่างมากในปีต่อๆ ไป
นางเพตยา โคเอวา บรูคส์ รองผู้อำนวยการแผนกวิจัยของ IMF ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวว่า "ดิฉันหวังว่าเราอาจจะได้พูดคุยถึงความเสี่ยงขาขึ้น?แต่โชคร้ายที่เราไม่ได้อยู่ในจุดนั้น"
ในรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (WEO) ฉบับล่าสุดที่เผยแพร่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมานั้น IMF ยังคงคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ระดับ 6% สำหรับปี 2564 พร้อมเน้นย้ำถึงช่องว่างที่กว้างขึ้นในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และเตือนถึงความเสี่ยงขาลงท่ามกลางสถานะการฉีดวัคซีนที่ไม่เท่าเทียมกัน
การคาดการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า แนวโน้มการเติบโตสำหรับกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วในปีนี้ปรับตัวขึ้น 0.5% แตะ 5.6% ขณะที่แนวโน้มดังกล่าวของกลุ่มตลาดเกิดใหม่และกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาได้ลดลง 0.4% แตะ 6.3%
นางบรูคส์กล่าวว่า "การเข้าถึงวัคซีนและความสามารถของประเทศต่างๆ ในการสนับสนุนด้านนโยบายนั้นเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เรามองเห็นถึงความแตกต่างนี้" พร้อมเสริมว่า "หากเราไม่แก้ปัญหา ดิฉันคิดว่ามันคงยากที่จะพูดถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่มีเสถียรภาพในอนาคต"
IMF ระบุว่า เกือบ 40% ของประชากรในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว เมื่อเทียบกับ 11% ในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ และส่วนน้อยในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่มีรายได้ต่ำ
ในเรื่องวัคซีน นางบรูคส์เสริมว่า มีทั้งข่าวดีและข่าวร้ายผสมกัน พร้อมเน้นย้ำว่า เราต้องร่วมมือกันอีกมากเพื่อแก้ไขปัญหานี้
เมื่อไม่นานมานี้ IMF ได้ร่างแผนการมูลค่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ธนาคารโลก องค์การการค้าโลก (WTO) โดยมีเป้าหมายเพื่อดำเนินการแจกจ่ายวัคซีนที่เร็วขึ้น และทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว