นักวิเคราะห์จากธนาคารดีบีเอส ระบุว่า การที่รัฐบาลจีนออกมาลงดาบธุรกิจด้านการศึกษาในเอกชนถือเป็นการส่งสัญญาณว่า จีนพร้อมจะดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคมในประเทศ โดยไม่คำนึงถึงสิ่งที่นักลงทุนต้องการ
เดนิส ลัม นักวิเคราะห์จากดีบีเอสกล่าวระหว่างการสัมมนาทางเว็บไซต์ว่า "รัฐบาลจีนพร้อมที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อแก้ปัญหาทางสังคมและเศรษฐกิจ" โดยมุ่งเป้าไปที่ความเร็ว ประสิทธิภาพ และความแข็งแกร่งของนโยบายใหม่ของจีน
"จีนไม่ได้หยิบประเด็นความผันผวนของตลาดหุ้นขึ้นมาพิจารณาเลย" นายลัมกล่าว
สำหรับภาคส่วนต่างๆ ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเผชิญกับกฎระเบียบของรัฐบาลจีนนั้น รวมถึงภาคการศึกษา อีคอมเมิร์ซ อินเทอร์เน็ต และการดูแลสุขภาพ โดนนายลัมแนะนำว่า "นักลงทุนจะต้องคิดถึงสถานการณ์ที่แย่ที่สุดเพื่อการลงทุนที่รอบคอบ"
อย่างไรก็ตาม นายลัมยอมรับว่า หน่วยงานกำกับดูแลหลักทรัพย์ของจีนพยายามบรรเทาความวิตกกังวลของตลาดในระหว่างการประชุมกับธนาคารเพื่อการลงทุนรายใหญ่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยหน่วยงานกำกับดูแลไม่ได้ออกแถลงการณ์ต่อสาธารณะ แต่กล่าวว่า จีนจะยังคงอนุญาตให้บริษัทจีนเข้าจดทะเบียนในสหรัฐต่อไป
ทางด้านนายคริส เหลียง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของจีนแห่งดีบีเอส กล่าวว่า การปราบปรามธุรกิจด้านการศึกษาภาคเอกชนแสดงให้เห็นว่า การออกแบบนโยบายของจีนในปัจจุบันได้คำนึงถึงปัจจัยทางสังคมด้วย นอกเหนือจากการพิจารณาด้านการเงินและเศรษฐกิจ โดยเขาอธิบายว่า รัฐบาลกำลังพยายามจัดการกับปัญหาค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาที่สูงมาก ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ชาวจีนไม่อยากมีลูกเพิ่ม
นายเหลียงกล่าวเสริมว่า จีนยอมที่จะได้รับความเสียหายในส่วนดังกล่าวเพื่อผลลัพธ์ในระยะยาว ซึ่งเป็นเป้าหมายทางเศรษฐกิจและสังคม แม้ว่าจะต้องแลกกับการที่ตลาดหุ้นร่วงลงก็ตาม