นายฟิลิป โลว์ ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ได้แถลงต่อคณะกรรมาธิการด้านเศรษฐกิจของรัฐสภาออสเตรเลียในวันนี้ว่า คณะบริหารของ RBA ได้พิจารณาร่วมกันว่าจะเลื่อนการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) จากเดิมที่กำหนดไว้ว่าจะเริ่มปรับลดในเดือนก.ย.นี้
คำชี้แจงดังกล่าวมีขึ้นหลังจากการประชุมเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา RBA ได้สร้างความประหลาดใจให้กับตลาดด้วยการตัดสินใจที่จะเริ่มปรับลดวงเงิน QE ตั้งแต่เดือนก.ย. เนื่องจากคาดว่าเศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบเพียงชั่วคราวเท่านั้นจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา
ในการประชุมดังกล่าว RBA มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.1% และประกาศเดินหน้าแผนปรับลดวงเงิน QE ลงเหลือ 4 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลียต่อสัปดาห์ จากก่อนหน้านี้ที่ระดับ 5 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลียต่อสัปดาห์
ทั้งนี้ นายโลว์ชี้แจงต่อรัฐสภาในวันนี้ว่า RBA ได้มีการหารือกันเรื่องการเลื่อนเวลาปรับลดวงเงิน QE แต่ประเด็นสำคัญคือเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจ โดย RBA คาดว่าเศรษฐกิจจะมีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในปีหน้า พร้อมกับย้ำว่า นี่เป็นครั้งแรกที่ RBA จำเป็นต้องอธิบายว่าเพราะเหตุใดจึงตัดสินใจที่จะปรับลดวงเงิน QE
"คณะบริหารของ RBA ยังตระหนักด้วยว่า นโยบายการคลังเป็นเครื่องมือที่เหมาะสมมากกว่าในการสนับสนุนเศรษฐกิจ" นายโลว์กล่าวต่อรัฐสภา
ถ้อยแถลงของนายโลว์มีขึ้นในวันเดียวกับที่ RBA เปิดเผยตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจรายไตรมาสในวันนี้ โดยคาดว่า เศรษฐกิจจะขยายตัว 4% ในปีนี้ และจากนั้นจะขยายตัว 4.25% ในปีหน้า นอกจากนี้ คาดว่าอัตราว่างงานจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 4.25% ในปีนี้ และจากนั้นจะลดลงสู่ระดับ 4% ภายในสิ้นปี 2566 จากปัจจุบันที่ระดับ 5%
อย่างไรก็ดี RBA คาดว่าอัตราเงินเฟ้อของออสเตรเลียจะยังคงอยู่ในกรอบเป้าหมายที่ 2% - 3% จนถึงกลางปี 2566 ก่อนที่จะดีดตัวขึ้นแตะระดับ 2.25% ภายในสิ้นปี 2566