วุฒิสภาสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 69-30 เสียง ผ่านร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ และสร้างงานครั้งใหญ่ให้แก่ชาวอเมริกัน โดยโครงการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกนั้น จะรวมถึงการใช้จ่ายงบประมาณครั้งใหม่วงเงิน 5.5 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งครอบคลุมโครงการสร้างถนน สะพาน ทางรถไฟ โครงสร้างพื้นฐานสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และโครงการอื่นๆ
-- รัฐบาลสิงคโปร์ปรับขึ้นคาดการณ์เศรษฐกิจปี 2564 หลังจากที่เศรษฐกิจขยายตัวเหนือคาดการณ์ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศเริ่มทรงตัว
กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมเปิดเผยว่า เศรษฐกิจสิงคโปร์มีแนวโน้มขยายตัวที่ระดับ 6-7% ในปีนี้ เทียบกับระดับคาดการณ์ก่อนหน้าที่ 4-6%
-- ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาเริ่มปรากฎให้เห็นในเศรษฐกิจของเอเชีย เนื่องจากผู้บริโภคอาศัยอยู่แต่ในบ้าน และไม่มีการเดินทางด้วยเครื่องบิน โดยยอดความจุของเที่ยวบินในจีนร่วงลงอย่างหนัก ชี้ให้เห็นถึงการชะลอตัวลงในภาคการท่องเที่ยว ขณะที่การผลิตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้รับผลกระทบอย่างหนัก และความเชื่อมั่นทางธุรกิจของออสเตรเลียก็ปรับตัวลดลง
นักเศรษฐศาสตร์ของโกลด์แมน แซคส์ และ เจพี มอร์แกน ได้ออกมาเตือนถึงผลกระทบเชิงลบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาในเอเชีย และปรับลดการคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจจีนลง
-- สถานการณ์การขาดแคลนชิปซึ่งส่งผลกระทบต่อบรรดาผู้ผลิตรถยนต์และผู้ผลิตคอมพิวเตอร์กำลังเลวร้ายลง โดยระยะเวลาระหว่างการสั่งซื้อเซมิคอนดักเตอร์และการรับสินค้าเพิ่มขึ้นมากกว่า 8 วัน แตะที่ 20.2 สัปดาห์ในเดือนก.ค. ซึ่งถือเป็นเวลารอนานที่สุดนับตั้งแต่ที่มีการเริ่มติดตามข้อมูลในปี 2560
รายงานระบุว่า ปัญหาการขาดแคลนไมโครคอนโทรลเลอร์ ซึ่งเป็นลอจิก ชิปที่ควบคุมการทำงานในรถยนต์ อุปกรณ์อุตสาหกรรม และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านนั้น พุ่งขึ้นในเดือนก.ค.
-- ซิตี้กรุ๊ป อิงค์ ประกาศให้พนักงานที่จะเดินทางกลับเข้าทำงานในสำนักงานที่มหานครนิวยอร์กและเมืองใหญ่อื่นๆ ในสหรัฐจะต้องฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ท่ามกลางมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น ในขณะที่บริษัทต่างๆ พยายามต่อสู้กับไวรัสที่ร้ายแรง และเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาที่ติดต่อได้รวดเร็ว
-- นักวิเคราะห์ระบุว่า ความสำเร็จในการพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 ของบริษัทบิออนเทค ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพในธุรกิจยาของเยอรมนี จะช่วยหนุนตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเยอรมนีเพิ่มขึ้นถึง 0.5% ในปีนี้
นายเซบาสเตียน ดูลเลียน หัวหน้านักวิเคราะห์ของสถาบันนโยบายเศรษฐกิจมหภาคของเยอรมนี (IMK) กล่าวว่า ธุรกิจการผลิตวัคซีนต้านโควิด-19 ซึ่งบิออนเทคพัฒนาร่วมกับบริษัทไฟเซอร์ อิงค์ โดยใช้เทคโนโลยี mRNA จะช่วยกระตุ้น GDP ของเยอรมนีเพิ่มขึ้น 0.5% ในปีนี้ ซึ่งเท่ากับ 1 ใน 8 ของตัวเลข GDP ที่คาดว่าจะขยายตัว 4% ในปีนี้ หลังจากเผชิญภาวะหดตัว 4.6% ในปีที่แล้ว
-- นายแอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กประกาศว่า เขาจะลาออกจากตำแหน่งในอีก 2 สัปดาห์เพื่อแสดงความรับผิดชอบ หลังจากที่เขาถูกกล่าวหาในคดีล่วงเกินทางเพศ
"ผมขอขอบคุณที่ให้โอกาสในการรับใช้พวกคุณ ซึ่งผมถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งในชีวิตของผม" นายคูโอโมกล่าว
-- สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชากล่าวว่า ข้าราชการของกัมพูชา รวมทั้งประชาชนทั่วไปที่ได้รับการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าเข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 แล้ว จะไม่ได้รับการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเข็มที่ 3
สมเด็จฮุนเซนกล่าวว่า ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนของซิโนแวคหรือซิโนฟาร์มเท่านั้น จึงจะได้รับการฉีดวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าเป็นเข็มที่ 3
-- The Economist รายงานโดยอ้างอิงข้อมูลล่าสุดจาก covid19.trackvaccines.org ณ วันที่ 6 ส.ค. ระบุว่า แอสตร้าเซนเนก้า เป็นวัคซีนต้านโควิด-19 ที่ได้รับการยอมรับจากประเทศต่างๆมากที่สุดในโลก รองลงมาคือวัคซีนของไฟเซอร์-ไบออนเทค และสปุตนิก วี
เป็นที่น่าสังเกตว่า สปุตนิก วี ของรัสเซียติดอันดับ 3 ของวัคซีนยอดนิยมทั่วโลก โดยได้รับการยอมรับจาก 70 ประเทศ แม้ว่ายังไม่ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก (WHO)
-- นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในวันนี้ซึ่งได้แก่ อัตราว่างงานเดือนก.ค.ของเกาหลีใต้, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค.จากเวสต์แพคของออสเตรเลีย, ยอดขายรถและยอดปล่อยกู้สกุลเงินหยวนเดือนก.ค.ของจีน, อัตราเงินเฟ้อเดือนก.ค.ของเยอรมนี รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐอย่างอัตราเงินเฟ้อเดือนก.ค. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)