นายเดวิด โรช นักวิเคราะห์จากอินดีเพนเดนท์ สตราเตจีกล่าวว่า การที่จีนยกระดับความเข้มงวดของมาตรการควบคุมโควิด-19 หลังจากยอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นนั้น อาจเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของเศรษฐกิจจีน และส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นทั่วโลก
"ตลาดหุ้นต่างๆ ยึดถือมุมมองที่ว่าโควิด-19 นั้นเลวร้ายมาก และหากจะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัว ก็ต้องยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์และมาตรการจำกัดทางสังคม ซึ่งดูจะเป็นสูตรสำเร็จที่ทั่วโลกใช้กันอยู่ในขณะนี้" นายโรชกล่าวกับผู้สื่อข่าวของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี พร้อมกับเสริมว่า "ขณะเดียวกันจีนก็มีเหตุผลที่จะไม่ทำตามสูตรสำเร็จนี้ ดังนั้นตลาดหุ้นอื่นๆ อาจต้องยอมรับว่า ผลกระทบทางเศรษฐกิจนั้นจะไม่ได้เกิดขึ้นกับจีนเพียงที่เดียว แต่จะส่งผลกระทบไปทั่วโลก"
ก่อนหน้านี้ ความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อตลาดหุ้นของจีนมีอันต้องสั่นคลอน หลังจีนบังคับใช้ระเบียบที่เข้มงวดกับหลายภาคธุรกิจ รวมถึงบริษัทด้านเทคโนโลยีและโรงเรียนกวดวิชา
นักวิเคราะห์บางส่วนได้ออกมาแสดงความกังวลถึงการจัดการโควิด-19 ของจีนที่ใช้แนวทาง "ความอดทนเป็นศูนย์" (zero tolerance) ซึ่งหมายถึงการใช้มาตรการควบคุมเข้มงวดทันทีที่มีการรายงานว่าพบผู้ติดเชื่อ รวมถึงใช้มาตรการล็อกดาวน์และระดมตรวจหาเชื้อเป็นวงกว้าง แม้แนวทางดังกล่าวได้ช่วยให้จีนสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสได้ก็ตาม
ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หน่วยงานด้านสาธารณสุขของจีนประกาศให้มีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ครั้งใหญ่ในเมืองอู่ฮั่น ซึ่งเป็นสถานที่ที่ตรวจพบเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นครั้งแรก รวมถึงบังคับใช้มาตรการจำกัดการเดินทางในเมืองใหญ่ต่างๆ รวมถึงกรุงปักกิ่งด้วย
"หากมาตรการล็อกดาวน์และความคืบหน้าด้านการฉีดวัคซีนของจีนยังไม่สามารถช่วยให้จีนกลับมาเปิดเศรษฐกิจได้ภายในกลางเดือนส.ค.หรือต้นเดือนก.ย. ก็อาจต้องมีการทบทวนตัวเลขคาดการณ์ GDP ของจีนปี 2564 ที่ระดับ 8.8%" นักเศรษฐศาสตร์ของ ANZ ระบุ
ด้านนายโรชคาดว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนในไตรมาส 3/2564 จะชะลอตัวลง โดยจะขยายตัวเพียง 2-3% เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่ขยายตัวถึง 7.9% ในไตรมาส 2/2564