ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน เน้นย้ำในการประชุมการเงินและเศรษฐกิจเมื่อวานนี้ถึงความจำเป็นในการสนับสนุนความมั่งคั่งปานกลางสำหรับประชาชนทุกคน หรือแนวคิดเรื่อง "ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน" ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า แนวคิดดังกล่าวอยู่เบื้องหลังการปราบปรามบริษัทเทคโนโลยีครั้งล่าสุด
การประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมต่อสาธารณชนครั้งแรกของประธานาธิบดีสี จิ้นผิงในช่วง 2 สัปดาห์ โดยผู้นำจีนมักใช้เวลาในช่วงต้นเดือนสิงหาคมในการหารือทางการเมืองอย่างลับๆ ที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งในเมืองเป่ยไต้เหอ ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงปักกิ่งไปทางตะวันออกราว 3 ชั่วโมงหากเดินทางโดยรถยนต์
การประชุมเรียกร้องให้มี "การปรับรายรับส่วนเกินอย่างสมเหตุสมผล พร้อมส่งเสริมกลุ่มและธุรกิจที่มีรายได้สูงให้ตอบแทนสู่สังคมมากขึ้น"
ผู้นำจีนกล่าวด้วยว่า ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันไม่ได้หมายถึงความเจริญรุ่งเรืองสำหรับคนเพียงไม่กี่คน และไม่ใช่รูปแบบของการกระจายอย่างเท่าเทียมกัน โดยความก้าวหน้าไปสู่เป้าหมายนั้นจะเกิดขึ้นไปทีละขั้น
ความไม่เท่าเทียมกันของรายได้ในหมู่ประชาชนจีน 1.4 พันล้านคนเพิ่มสูงขึ้นในช่วง 20-30 ปีที่ผ่านมา โดยผู้มั่งคั่งระดับต้นๆ ของประเทศจำนวน 10% ของประชากรมีรายได้คิดเป็นสัดส่วน 41% ของรายได้ประชาชาติในปี 2558 หรือเพิ่มขึ้นจากระดับ 27% ในปี 2521
ทั้งนี้ รัฐบาลจีนประกาศว่าได้ขจัดความยากจนขั้นรุนแรงในประเทศสำเร็จเมื่อปลายปีที่แล้ว นั่นเป็นก้าวแรกในการบรรลุคำมั่นสัญญาระยะยาวของพรรคคอมมิวนิสต์จีนซึ่งได้ฉลองครบรอบ 100 ปีไปเมื่อเดือนกรกฎาคม