ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นวัฏจักร (Cyclical Stocks) ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปิดในแดนบวก โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
-- หุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดสหรัฐยังคงปรับตัวลงอย่างหนัก หลังทางการจีนได้ยกระดับการปราบปรามภาคเอกชน โดยหุ้นเทนเซ็นต์ที่จดทะเบียนในตลาดสหรัฐร่วงลง 6.05% ขณะที่หุ้นอาลีบาบาดิ่งลง 6.85%
-- คาดตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดเคลื่อนไหวไม่มากนัก เนื่องจากนักลงทุนยังมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ขณะที่ได้รับแรงกดดันจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าจะปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ภายในปีนี้
-- รายงานข่าวระบุว่า สภานิติบัญญัติจีนอาจจะอนุมัติข้อเสนอในการใช้กฎหมายต่อต้านการคว่ำบาตรกรณีฮ่องกงเพื่อตอบโต้สหรัฐ ซึ่งคาดว่าจะทำให้บริษัทระดับโลกตกเป็นเป้าความขัดแย้งของทั้งสองประเทศ
-- สภาคองเกรสสหรัฐรอดพ้นเหตุการณ์คาร์บอมบ์เมื่อคืนนี้ หลังจากที่คนขับรถบรรทุกที่อ้างว่ามีระเบิดอยู่ในรถ ได้ยอมมอบตัวต่อเจ้าหน้าที่
ผู้ต้องสงสัยดังกล่าวซึ่งมีชื่อว่า ฟลอยด์ เรย์ โรสเบอร์รี วัย 49 ปี จากรัฐนอร์ทแคโรไลนา ได้ยอมก้าวออกมาจากรถของเขา หลังจากที่ได้จอดอยู่ใกล้ห้องสมุดของสภาคองเกรสนานหลายชั่วโมง
-- สำนักงานปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติของอินโดนีเซียแถลงเมื่อวานนี้ว่า เจ้าหน้าที่สามารถสกัดจับยาไอซ์จำนวน 324.3 กิโลกรัมที่มีการลักลอบนำเข้าจากไทย
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยในขบวนการดังกล่าวซึ่งเป็นคนไทยและคนอาเจะห์ตะวันออกรวม 6 คน
เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า ผู้ต้องสงสัยที่เป็นคนไทยได้ลักลอบนำยาไอซ์ดังกล่าวขึ้นเรือไปยังน่านน้ำทางตอนใต้ของไทยเพื่อเปลี่ยนเรือและมุ่งตรงไปยังจังหวัดอาเจะห์ของอินโดนีเซีย
หากถูกตัดสินว่ามีความผิดจริง ผู้ต้องสงสัยดังกล่าวจะต้องรับโทษประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต
-- โกลด์แมน แซคส์ประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3 ของสหรัฐ เหลือเพียง 5.5% จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 9% และคาดว่าอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐจะพุ่งขึ้นสูงกว่าคาดในช่วงที่เหลือของปีนี้
-- Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลกระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกสะสมมีจำนวน 210,483,399 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 4,411,808 ราย
-- กระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซียเปิดเผยว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีจำนวน 22,053 ราย ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 3,930,300 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุดในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน)
-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงสู่ระดับ 348,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว โดยเป็นการปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน และเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 17 เดือน นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐเมื่อเดือนมี.ค.2563 จากระดับ 377,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้
ทางด้านธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจในภูมิภาคมิด-แอตแลนติกร่วงลงสู่ระดับ 19.4 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2563 จากระดับ 21.9 ในเดือนก.ค. โดยดัชนีภาวะธุรกิจปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 โดยได้รับผลกระทบจากภาวะตึงตัวของอุปทาน
-- นักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิงในวันที่ 26-28 ส.ค.นี้ โดยคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงิน QE ในการประชุมดังกล่าว