นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า กำไรของภาคอุตสาหกรรมจีนในเดือนก.ค.ที่ขยายตัวช้าลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 นั้น ถือเป็นหลักฐานบ่งชี้ทิศทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอของจีน และอาจเป็นปัจจัยผลักดันให้ธนาคารกลางจีนยังคงดำเนินนโยบายผ่อนคลายการเงินต่อไปอีกระยะหนึ่ง
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า กำไรของบริษัทอุตสาหกรรมจีนในเดือนก.ค.ขยายตัว 16.4% เมื่อเทียบรายปี แตะที่ 7.0367 แสนล้านหยวน (1.086 แสนล้านดอลลาร์) ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนมิ.ย.ที่มีการขยายตัว 20% โดยกำไรของบริษัทอุตสาหกรรมจีนขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5
ส่วนในช่วงเดือนม.ค.-ก.ค. กำไรของบริษัทอุตสาหกรรมจีนปรับตัวขึ้น 57.3% เมื่อเทียบรายปี แตะที่ 4.92 ล้านล้านหยวน ซึ่งชะลอตัวลงจากช่วงครึ่งปีแรกที่มีการขยายตัว 66.9%
นายหนี่ เหวิน นักวิเคราะห์จากบริษัท Hwabao Trust กล่าวว่า แม้เศรษฐกิจจีนสามารถฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่การขยายตัวยังคงอ่อนแรงเนื่องจากภาคธุรกิจเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นและปัญหาคอขวดด้านอุปทาน ขณะที่ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่าย ซึ่งสภาพเศรษฐกิจเช่นนี้อาจทำให้ธนาคารกลางจีนยังคงดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไป หรืออาจจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากที่ธนาคารกลางจีนได้ปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ในช่วงกลางเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งจะทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจจำนวน 1 ล้านล้านหยวน (1.544 แสนล้านดอลลาร์) ในระยะยาว
"ในด้านปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจนั้น มีสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัวลง และเราคาดว่าธนาคารกลางจีนจะใช้นโยบายเศรษฐกิจมหภาคที่เหมาะสม โดยจะมุ่งเน้นไปที่การใช้นโยบายแบบผ่อนคลาย เพื่อรับมือกับอุปสรรคต่างๆ ที่จะขัดขวางการเติบโตของเศรษฐกิจ" นายเหวินกล่าว