ปธน.สี จิ้นผิงของจีน ได้ทดสอบนโยบาย "ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน" ในมณฑลเจ้อเจียง ซึ่งเป็นบ้านเกิดของอาลีบาบา แผนดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า จีนต้องการเพิ่มรายได้ผ่านการลงทุนของภาคเอกชนในพื้นที่ยากจน และเพื่อส่งเสริมให้คนในชนบทเริ่มธุรกิจของตนเอง ซึ่งหากแผนนี้ประสบความสำเร็จก็จะสามารถนำร่องออกสู่พื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศได้
ในขณะเดียวกัน สี จิ้นผิง ยังเป็นประธานการประชุมระดับสูงที่ "ทบทวนและอนุมัติ" มาตรการเพื่อต่อสู้กับการผูกขาดตลาด การต่อสู้กับมลพิษ และสนับสนุนการสำรองเชิงกลยุทธ์ ตลอดจนนโยบายอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งตอกย้ำให้เห็นว่า จีนวางแผนที่จะคุมเข้มการกำกับดูแลบริษัทอีคอมเมิร์ซเช่นอาลีบาบาและ Pinduoduo อย่างจริงจัง
-- ปธน.โจ ไบเดน ได้ออกมาปกป้องนโยบายของสหรัฐที่ถอนตัวออกจากอัฟกานิสถาน ซึ่งสร้างความวิตกกังวลต่อชะตากรรมของอัฟกานิสถาน และผลกระทบของผู้ที่อพยพออกประเทศ
ผู้นำสหรัฐได้ชื่นชมการอพยพประชาชนกว่า 120,000 คน และปฏิเสธเสียงวิจารณ์ที่ว่าทางออกครั้งนี้ไม่เหมาะสมนัก ขณะที่นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ (UN) เรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ให้ความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว เนื่องจากเกือบครึ่งหนึ่งของประชากรอัฟกานิสถานจำนวนกว่า 18 ล้านคน ต้องการความช่วยเหลือเพื่อความอยู่รอด
-- กองทุนเฮดจ์ฟันด์ของจีนเสนอเงินเดือนให้บัณฑิตจบใหม่ที่มีผลการศึกษายอดเยี่ยมสูงสุด 300,000 ดอลลาร์ หรือคิดเป็น 3 เท่าของวอลล์สตรีท
กองทุนที่ใช้แบบจำลองคอมพิวเตอร์เพื่อการซื้อขายนั้นกำลังต้องการนักศึกษาจบใหม่อย่างมาก ซึ่งได้รับแรงหนุนจากกระแสเงินไหลเข้าจากบรรดาบุคคลที่ร่ำรวยในเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ค่าแรงที่สูงขึ้นนั้นสอดคล้องกับแนวโน้มระดับโลกในวงกว้าง เนื่องจากธุรกิจในบริษัททางการเงินกำลังเฟื่องฟูอย่างมาก
-- ผลสำรวจของ Bloomberg เกี่ยวกับธุรกิจขนาดใหญ่ 45 แห่งในสหรัฐอเมริกา ยุโรป และเอเชีย แสดงให้เห็นว่า บริษัท 84% วางแผนที่จะใช้จ่ายน้อยลงในด้านการเดินทาง หลังจบการระบาดของโควิด-19
ทั้งนี้ ความสะดวกและประสิทธิภาพของซอฟต์แวร์เสมือนจริง การประหยัดต้นทุน และการปล่อยคาร์บอนต่ำนั้น เป็นเหตุผลหลักที่บริษัทเลือกลดจำนวนการเดินทางลง ซึ่งอาจะส่งผลให้การใช้จ่ายสำหรับการเดินทางขององค์กรอาจลดลงเหลือ 1.24 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2567 จากระดับสูงสุดก่อนเกิดโรคระบาดในปี 2562 ที่ 1.43 ล้านล้านดอลลาร์
-- กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า การใช้จ่ายด้านทุนของบริษัทญี่ปุ่นในไตรมาส 2/2564 ดีดตัวขึ้น 5.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี
ทั้งนี้ การลงทุนของธุรกิจนอกภาคการเงินญี่ปุ่น ซึ่งรวมถึงการลงทุนในการสร้างโรงงานและเพิ่มอุปกรณ์ต่างๆ นั้น คิดเป็นมูลค่ารวม 10.15 ล้านล้านเยน (ประมาณ 9.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ)
-- กระทรวงการค้า อุตสาหกรรม และพลังงานของเกาหลีใต้เปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดส่งออกเดือนส.ค.พุ่งขึ้น 35% แตะที่ระดับ 5.32 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 10 โดยได้ปัจจัยหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งของสินค้าประเภทชิปและรถยนต์ นอกจากนี้ ข้อมูลดังกล่าวยังบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจเกาหลีใต้ซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 4 ของเอเชียนั้น มีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
ส่วนยอดนำเข้าเดือนส.ค.ของเกาหลีใต้พุ่งขึ้น 44% แตะที่ระดับ 5.15 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่งผลให้เกาหลีใต้มียอดเกินดุลการค้า 1.67 พันล้านดอลลาร์ และเป็นการเกินดุลติดต่อกันยาวนานถึง 16 เดือน
-- สายการบินเดลตา แอร์ไลน์แถลงว่า ผู้ที่ประสงค์จะเข้าสมัครงานเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินที่บริษัทเปิดตำแหน่งว่างอยู่ 1,500 ตำแหน่ง จะต้องมีคุณสมบัติได้รับการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ครบโดสมาแล้ว
นอกจากนี้ พนักงานของเดลตาในปัจจุบันที่ได้รับการคัดเลือกเข้าสู่โครงการฝึกอบรมเพื่อเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ก็จะต้องได้รับการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ครบโดสเช่นกัน ก่อนถึงกำหนดวันเข้ารับการฝึกอบรม
-- กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐประกาศยกระดับคำเตือนการเดินทางของพลเมืองชาวอเมริกันไปยังแคนาดา สู่ระดับ 4 ซึ่งหมายความว่า "ห้ามการเดินทาง" ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ก่อนหน้านี้ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ รวมทั้งศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (CDC) ออกคำเตือนห้ามการเดินทางไปยังสวิตเซอร์แลนด์ อาเซอร์ไบจัน และเอสโตเนีย อันเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เช่นกัน
-- กระทรวงสถิติแห่งชาติอินเดียเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัว 20.1% ในช่วงเดือนเม.ย.-มิ.ย. ซึ่งเป็นไตรมาสแรกของปีงบประมาณของอินเดีย
ตัวเลข GDP ดังกล่าวบ่งชี้ถึงการขยายตัวมากเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ที่รัฐบาลเริ่มเก็บข้อมูลตัวเลข GDP นับตั้งแต่ปี 2539 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 20.0%
-- นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญหลายรายการวันนี้ ได้แก่ ยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนส.ค. ของเกาหลีใต้, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2564 ของออสเตรเลีย, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนส.ค.จากไฉซินของจีน, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนส.ค.จากมาร์กิตของฝรั่งเศส เยอรมนี อียู และอังกฤษ รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐอย่าง ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนส.ค.จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนส.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนส.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนก.ค. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)