นายจอช ฟรายเดนเบิร์ก รัฐมนตรีกระทรวงการคลังออสเตรเลียระบุว่า ออสเตรเลียต้องสร้างความหลากหลายทางเศรษฐกิจเพื่อลดการพึ่งพาจีนซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของออสเตรเลีย พร้อมทั้งเตือนภาคธุรกิจให้เตรียมพร้อมรับความตึงเครียดรอบใหม่กับรัฐบาลจีน
ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างออสเตรเลียและจีนเป็นไปอย่างตึงเครียดหลังจากที่ออสเตรเลียแบนโครงข่าย 5G ของหัวเว่ยในปี 2561 และย่ำแย่ลงอีกเมื่อรัฐบาลออสเตรเลียเรียกร้องให้มีการสอบสวนหาต้นตอการระบาดของโควิด-19 ซึ่งพบครั้งแรกที่จีนโดยอิสระ
ทางด้านรัฐบาลจีนได้ตอบโต้ออสเตรเลียด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงข้าวบาร์เลย์ ไวน์ และองุ่น
นายฟรายเดนเบิร์กระบุว่า "การที่จีนพุ่งเป้ามาที่เศรษฐกิจของออสเตรเลียเป็นเรื่องที่รู้กันดีอยู่แล้ว" ก่อนจะกล่าวต่อไปว่า "การเผชิญกับการแข่งขันเชิงยุทธศาสตร์เป็นความจริงใหม่ที่เราต้องเจอแน่นอนในปัจจุบัน และเป็นไปได้ว่าในอนาคตด้วย"
นายฟรายเดนเบิร์กระบุอีกว่า ภาคธุรกิจควรมองหาตลาดใหม่ๆ ที่เปิดกว้างภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีเมื่อเร็วๆ นี้
ทั้งนี้ เศรษฐกิจของออสเตรเลียซึ่งมีมูลค่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ออสเตรเลียนั้น มีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยเป็นครั้งที่ 2 ไปอีกหลายปี หลังจากที่รัฐใหญ่ๆ ยังคงเผชิญกับมาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดโควิด-19
อย่างไรก็ดี ถึงแม้จะเผชิญกับความตึงเครียดทางการทูต มูลค่าการส่งออกสินค้าของออสเตรเลียไปจีนในรอบ 1 ปีได้ทำสถิติสูงเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ 1.94 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลียเมื่อนับจนถึงวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 72% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีแรงหนุนจากการความต้องการสินแร่เหล็กที่เพิ่มขึ้นมาก