ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศปรับเพิ่มตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจยูโรโซนในปีนี้ โดยคาดว่าจะมีการขยายตัว 5% จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 4.6%
นอกจากนี้ ECB ยังได้ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อสู่ระดับ 2.2% ในปีนี้ ก่อนที่จะชะลอตัวลงสู่ระดับ 1.7% ในปี 2565 และ 1.4% ในปี 2566 ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมาย 2% ของ ECB
นางคริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB กล่าวว่า แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังคงขึ้นอยู่กับความสำเร็จของโครงการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ในยุโรป รวมทั้งอัตราการติดเชื้อทั่วโลก
ขณะเดียวกัน ECB ส่งสัญญาณปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรฉุกเฉินป้องกันผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 หรือ Pandemic Emergency Purchase Programme (PEPP) ในการประชุมวันนี้
"จากการประเมินสภาวะทางการเงินและแนวโน้มเงินเฟ้อ คณะกรรมการกำหนดนโยบายของ ECB มีความเห็นว่า ECB สามารถรักษาสภาวะทางการเงินที่น่าพึงพอใจด้วยการปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรในโครงการ PEPP เมื่อเทียบกับในช่วง 2 ไตรมาสที่ผ่านมา และ ECB พร้อมที่จะปรับเครื่องมือทุกอย่างตามความเหมาะสมเพื่อสร้างความมั่นใจว่าเงินเฟ้อจะมีเสถียรภาพที่ระดับ 2% ซึ่งเป็นเป้าหมายของ ECB ในระยะกลาง" แถลงการณ์ของ ECB ระบุ โดยไม่ได้ประกาศปรับลดวงเงินในโครงการดังกล่าวอย่างชัดเจน
ทั้งนี้ โครงการ PEPP ของ ECB เทียบเท่ากับโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
นางคริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB ยืนยันว่า การส่งสัญญาณปรับลดวงเงินในโครงการ PEPP ไม่ได้หมายความว่า ECB กำลังถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้ดำเนินมานับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19
"สิ่งที่เราได้ทำในวันนี้ เป็นการปรับระดับการซื้อพันธบัตรของเราเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการมีสภาวะทางการเงินที่น่าพึงพอใจ และเรายังไม่ได้หารือว่าเราจะทำอะไรต่อไป" นางลาการ์ดกล่าว
นางลาการ์ดยังระบุว่า ECB เชื่อว่าแรงกดดันจากค่าจ้างยังคงไม่รุนแรง และภาวะคอขวดของอุปทานจะเริ่มบรรเทาลง
ทั้งนี้ โครงการ PEPP มีวงเงินรวม 1.85 ล้านล้านยูโร ซึ่งในช่วง 2 ไตรมาสที่ผ่านมา ECB ได้ซื้อพันธบัตรตามโครงการดังกล่าวในวงเงินเดือนละ 8 หมื่นล้านยูโร
ผลการสำรวจนักวิเคราะห์คาดว่า ECB จะลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามโครงการ PEPP เหลือเพียง 6 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน ก่อนที่จะลดวงเงินลงอีกในต้นปี 2565 และจะยุติโครงการในเดือนมี.ค.2565
ขณะเดียวกัน ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันนี้ โดยคงอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.50% ขณะที่คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%