นายฟิลิป โลว์ ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) เปิดเผยในวันนี้ว่า การใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จะส่งผลให้เศรษฐกิจออสเตรเลียหดตัวลงอย่างรุนแรงในไตรมาส 3 ปีนี้ อย่างไรก็ดี เขาเชื่อมั่นว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจจะดีดตัวขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อมีการผ่อนคลายมาตรการที่เข้มงวดลงในไตรมาส 4
นายโลว์ย้ำว่า อัตราดอกเบี้ยยังไม่มีแนวโน้มจะปรับขึ้นจากระดับ 0.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ไปจนถึงปี 2567 เมื่อพิจารณาจากค่าจ้างที่มีการขยายตัวอย่างซบเซาเป็นเวลานาน
ทั้งนี้ นายโลว์ตระหนักว่า การล็อกดาวน์เมืองซิดนีย์, เมลเบิร์น และแคนเบอร์รา อาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจออสเตรเลียหดตัวลงอย่างน้อย 2% ในไตรมาส 3 และมีแนวโน้มที่จะหดตัวลงอีก
ขณะเดียวกันคาดว่า อัตราว่างงานจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 5% ในช่วงเวลาสั้นๆ จากระดับ 4.6% ในเดือนก.ค.
"การชะลอตัวลงส่วนใหญ่คาดว่าจะเกิดขึ้นแค่เพียงชั่วคราวเท่านั้น เราคาดว่าเศรษฐกิจจะกลับมาขยายตัวอีกครั้งในไตรมาส 4 และจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจนถึงปี 2565 โดยปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นนั้น มาจากความคืบหน้าในโครงการฉีดวัคซีน ซึ่งจะเปิดทางให้ออสเตรเลียผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดลงได้ในไตรมาส 4" นายโลว์กล่าว
การแสดงความเห็นของนายโลว์ในวันนี้สอดคล้องกับที่เขาได้แถลงต่อสื่อมวลชนในการประชุมเมื่อวันที่ 7 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า การแพร่ระบาดอย่างหนักของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาและผลกระทบจากการล็อกดาวน์ที่ยาวนานในรัฐนิวเซาท์เวลส์และวิกตอเรียนั้น อาจทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจออสเตรเลียต้องล่าช้าออกไป แต่เชื่อว่าจะไม่ทำให้เศรษฐกิจหยุดชะงัก
นายโลว์ได้แถลงในวันดังกล่าวว่า การควบคุมกิจกรรมต่างๆ นั้น ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจออสเตรเลียทั่วประเทศ และมีแนวโน้มที่จะทำให้การขยายตัวของเศรษฐกิจชะลอตัวลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ อย่างไรก็ดี นายโลว์เชื่อว่า เศรษฐกิจจะกลับมาขยายตัวอีกครั้งในไตรมาสเดือนธ.ค. และคาดว่าจะดีดตัวขึ้นสู่ระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตาในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า